
เนื่องมาจากนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียเตือนว่า ชาติตะวันตกอาจเผชิญกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 300 ดอลลาร์/บาร์เรล และท่อส่งก๊าซหลักระหว่างรัสเซีย-เยอรมนีอาจถูกปิดลง หากรัฐบาลของชาติตะวันตกยังคงเดินหน้าแผนการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยคำเตือนดังกล่าวมีขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
ราคาน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน ซึ่งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น ทำให้ตลาดยิ่งมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ขาดแคลนอุปทานที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว เป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งกว่าคาด สถานการณ์นี้ทำให้เห็นได้ชัดว่า การปฏิเสธน้ำมันจากรัสเซียจะนำไปสู่หายนะสำหรับตลาดโลก
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นทะลุระดับ 300 ดอลลาร์/บาร์เรล เเละยุโรปอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี จึงจะสามารถหาน้ำมันชดเชยส่วนที่นำเข้าจากรัสเซีย อีกทั้งยุโรปอาจต้องจ่ายราคาที่แพงขึ้นหากตัดสินใจแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะเดียวกันรัสเซียอาจพิจารณาระงับการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
อย่างไรก็ตามสหภาพยุโรปยังไม่เริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การหยุดชะงักของธุรกรรมทางการเงินจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการค้าของรัสเซียที่รวมถึงน้ำมันและก๊าซ เนื่องจากยุโรปนำเข้าก๊าซ 90% โดยประมาณ 40% ของก๊าซที่นำเข้าได้มาจากรัสเซีย ยุโรปจึงต้องเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานจากที่อื่นแทน ซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางที่เป็นแหล่งน้ำมันสำคัญของประเทศไทย ดังนั้นราคาน้ำมันในตอนนี้จะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเเละยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้