ราคาน้ำมันดิบปิดร่วงลง 4% ในวันจันทร์ (11 เม.ย.) ขณะที่สัญญาน้ำมันเบรนท์ดิ่งหลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ในจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งรายงานข่าวการระบายน้ำมันของสำนักงานพลังงานสากล (IEA)
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากยูเรเซีย กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานเปิดเผยว่า ความต้องการใช้เชื้อเพลิงในจีนที่เป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่สุดของโลกชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเซี่ยงไฮ้
ยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุว่า แม้มีรายงานว่าจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน แต่รัฐบาลจีนจะยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-Covid ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยคาดการณ์ว่า การล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้จะส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันโดยรวมในจีนลดลงถึง 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้สัญญาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการที่ IEA (ประกอบด้วยสมาชิก 31 ประเทศ โดยสมาชิกรายใหญ่ ได้แก่ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, แคนาดา, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) มีมติระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรล ออกจากคลังน้ำมันสำรองของประเทศสมาชิกในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่สหรัฐฯ จะสมทบด้วยการระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลเช่นกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการระบายน้ำมัน 180 ล้านบาร์เรล ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศในเดือน มี.ค.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น. ตามเวลาไทย
