ราคาทองคำ Spot ปิดลบในวันอังคาร (5 เม.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ออกมาสนับสนุนให้เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.48% แตะที่ 99.4710 เมื่อคืนนี้ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.465% จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการที่นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเร่งปรับลดขนาดของงบดุลเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยกล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นระบบ และเร่งปรับลดขนาดงบดุลจากระดับสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนหน้า พร้อมกับกล่าวว่า ขณะนี้เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงเกินไป และการชะลอเงินเฟ้อถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญอย่างมาก
นอกจากนี้นางเบรนาร์ดยังกล่าวด้วยว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนได้ทำให้เงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในช่วงขาขึ้น และการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็จะทำให้เกิดภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มแรงกดดันต่อราคาสินค้าผู้บริโภค
