Price Action คือ ตัวแทนของพฤติกรรมราคาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในตลาด และถูกสะท้อนออกมาผ่านรูปแบบแท่งเทียนต่าง ๆ ซึ่งนักลงทุนจะนิยมใช้ในการเทรดกราฟเปล่า ทั้งนี้ Price Action มักให้สัญญาณที่แม่นยำในระยะสั้นเท่านั้น

Price Action แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ และ Bearish Price Action ซึ่งจะแสดงทิศทางการกลับตัวที่แตกต่างกันออกไป
⚫ Bullish Price Action คือ รูปแบบแท่งเทียนที่มีโอกาสสูงที่จะกลับตัวจาก “แนวโน้มขาลง (Downtrend) เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)”
⚫ Bearish Price Action คือ รูปแบบแท่งเทียนที่มีโอกาสสูงที่จะกลับตัวจาก “แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend)”

– เป็นแท่งเทียนที่มีโอกาสกลับตัวสูง ทำให้คุณสามารถเทรดกราฟเปล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกตลาด
– ช่วยประหยัดเวลาในการติดตามข่าว เนื่องจาก Price Action สามารถสะท้อนถึงพฤติกรรมราคาได้เป็นอย่างดี
– ใช้หาสัญญาณการเทรดระยะสั้นได้ค่อนข้างดี

– ต้องอาศัยการจดจำรูปแบบต่าง ๆ ไม่เหมาะกับการเทรดระยะยาว
– ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการเทรดระดับหนึ่ง
– ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับ EA

การเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม ซึ่งในแต่ละกลยุทธ์จะมีต้นทุนการเทรดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น การใช้ Price Action ควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
– Spread ต่ำ
– Commission ถูก
– ส่งคำสั่งซื้อขายเร็ว
– ระบบเทรดเสถียร เนื่องจาก Price Action มักให้สัญญาณเทรดที่แม่นยำในระยะสั้นเท่านั้น จึงทำให้เหมาะกับการเทรดแบบ Swing Trading และ Day Trading โดยรูปแบบการเทรดเหล่านี้จำเป็นต้องมีการเปิดปิดออเดอร์หลายครั้งต่อวัน ซึ่งอาจตามมาด้วยค่า Spread และค่า Commission ที่คุณต้องเสียหลายต่อ