Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565

Table of Contents

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่า 3% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด อย่างไรก็ดีบรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน

Dow Jones +0.28%

S&P500 +1.50%

Nasdaq +3.34%

ในช่วงแรกนั้นดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงอย่างหนักหลังมีรายงานว่า รัสเซียได้บุกโจมตียูเครนทั้งทางบก ทะเล และอากาศ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์รุกรานประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เตรียมเสริมกำลังทหารทางฝั่งตะวันออก ซึ่งรวมถึงการเตรียมเครื่องบินรบจำนวนกว่า 100 ลำ หลังจากที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตียูเครน

จากนั้นตลาดดีดตัวขึ้นในช่วงท้าย โดยดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 3% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 4.61% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4% ห้นแอปเปิล บวก 1.67% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 5.11% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 6.14% หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 6.78%

ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2564 ซึ่งระบุว่า ตัวเลข GDP ขยายตัว 7.0% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6.9%

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค. โดยอาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หลังดิ่งลง 10% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มรถยนต์ถูกเทขายออกมาอย่างหนัก หลังรัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ

Stoxx Europe 600 -3.28%

CAC-40 -3.83%

DAX -3.96%

FTSE 100 -3.88%

บรรดานักลงทุนทั่วโลกได้เทขายหุ้น และเข้าซื้อทอง รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล หลังเกิดการโจมตีทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐและผู้นำชาติตะวันตกอื่น ๆ ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรที่แข็งกร้าวเพื่อตอบโต้รัสเซีย

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 8.2% ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ระบาด นอกจากนั้นหุ้นธนาคารที่ทำธุรกิจกับรัสเซียร่วงลงอย่างหนัก อาทิ หุ้นยูนิเครดิต และหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล ดิ่งลง 12.2-23% อีกทั้งหุ้นไรอันแอร์ ร่วงลง 2.6% หลังต้องระงับเที่ยวบินไป-กลับยูเครนเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เนื่องจากมีการปิดน่านฟ้ายูเครนไม่ให้เครื่องบินพลเรือนบินผ่าน

ในส่วนของหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ลดลง 0.3% แม้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 6% โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งเเต่ปี 2557 แต่หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนพุ่งขึ้นมากกว่า 10% เนื่องจากจะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทน ขณะที่ราคาก๊าซทะยานขึ้น

Social Share
Facebook
Twitter