Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2565

Table of Contents

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันศุกร์ (4 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามในยูเครน แม้มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นเกินคาดซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งก็ตาม

Dow Jones  -0.53%

S&P500 -0.79%

Nasdaq -1.66%

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังกองกำลังรัสเซียยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยุโรปในประเทศยูเครน ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นการโจมตีที่ประมาทซึ่งอาจก่อให้เกิดภัยพิบัติตามมา ทำให้หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มการเงินร่วงลง 2% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการคว่ำบาตรรัสเซียอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 3.35% ถือเป็นเกือบ 9% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 678,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 440,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือย ก.พ. 2563 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.9%

สำหรับหุ้นรายตัวที่ร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ได้แก่ หุ้นดับเบิลยูดับเบิลยู อินเตอร์เนชันแนล (WW International) ซึ่งร่วงลงกว่า 8% หลังคณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ระบุว่า บริษัทกระทำการที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของเด็ก ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง

อย่างไรก็ตามวิกฤตในยูเครนหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ทะยานขึ้น หลังการคว่ำบาตรรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงาน พุ่งขึ้น 2.85% และบวกขึ้นราว 9% ในรอบสัปดาห์นี้

แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า เขาจะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายของเฟดวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ และพร้อมที่จะดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้นในระยะต่อไป หากอัตราเงินเฟ้อไม่ลดลงเร็วตามคาด

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงในวันศุกร์ (4 มี.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี ร่วงลงมากกว่า 6% แล้วนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากยุโรปต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังมีรายงานข่าวว่าโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งเกิดเพลิงไหม้ท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างทหารของยูเครนและรัสเซีย

Stoxx Europe 600 -3.56% และร่วงลง 7% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในเดือน มี.ค. 2563

CAC-40 -4.97%

DAX -4.41%

FTSE 100 -3.48%

นอกจากนี้ตลาดยังวิตกหลังมีรายงานว่า ทหารรัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนซึ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปได้แล้ว ทำให้หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 5.6% เเละหุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซน ร่วงลง 7.9% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นหลังจากชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียนั้นทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอลง

อีกทั้งหุ้นธนาคารไอเอ็นจีของเนเธอร์แลนด์ ร่วง 9.7% หลังเปิดเผยว่า เงินกู้ราว 700 ล้านยูโร (771 ล้านดอลลาร์) ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อบุคคลและองค์กรของรัสเซีย เเละหุ้นมิชลินของฝรั่งเศส ร่วง 7.2% หลังเปิดเผยว่า จะหยุดการผลิตชั่วคราวที่โรงงานในยุโรปเนื่องจากปัญหาด้านการขนส่ง

Social Share
Facebook
Twitter