
Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันพุธ (16 พ.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากการเปิดเผยผลกำไรที่ลดลงของบริษัทค้าปลีกต่าง ๆ
▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (16 พ.ย.) หลังจากบริษัททาร์เก็ต เปิดเผยผลกำไรลดลงในไตรมาส 3 ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มบริษัทค้าปลีกอื่น ๆ และตลาดยังได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป
Dow Jones -0.12%
S&P500 -0.83%
Nasdaq -1.54%
บริษัททาร์เก็ตเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2565 ร่วงลงราว 50% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งผลประกอบการที่ย่ำแย่ของทาร์เก็ตได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นทาร์เก็ต ทรุดลง 13.06%, หุ้นโลว์ส ร่วงลง 3.01%, หุ้นเมซีส์ อิงค์ ดิ่งลง 8.13%, หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 8.03%, หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ร่วงลง 7.11% และหุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลง 8.57%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิปร่วงลง หลังจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศแผนปรับลดการผลิตชิปหน่วยความจำและลดการใช้จ่ายด้านทุน
โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 6.70%, หุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 4.54%, หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ร่วงลง 4.81%, หุ้นอินเทล ร่วงลง 3.84%, หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.83% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ดิ่งลง 3.3%
▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวลงในวันพุธ (16 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเมอร์ซีเดส เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ
CAC-40 -0.52%
Stoxx Europe 600 -0.98%
DAX -1.00%
FTSE 100 -0.25%
หุ้นเมอร์ซีเดส เบนซ์ ร่วงลง 6.2% หลังปรับลดราคารถไฟฟ้ารุ่น EQE และ EQS ในจีน เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดอยู่ในระดับต่ำ
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ร่วงลง 3.4% หลังทาร์เก็ตคาดการณ์ยอดขายในไตรมาส 4 ลดลงเกินคาด โดยบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง
หุ้นกลุ่มค้าปลีกของอังกฤษร่วงลงด้วย เช่น โอคาโด และมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อพุ่งแตะ 11.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี