Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังธนาคารกลางต่าง ๆ เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย
▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลดลงในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของนักลงทุน
Dow Jones -0.85%
S&P500 -1.11%
Nasdaq -0.97%
ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีหน้า และดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4.8% ในปีหน้า ก่อนลดลงสู่ราว 4.4% ภายในสิ้นปี 2566
อีกทั้ง ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 44.6 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 46.4 ในเดือน พ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ กำลังหดตัว
นอกจากนี้ ตลาดยังมีแนวโน้มลดลงที่จะเกิดเหตุการณ์ “ซานต้า แรลลี่” (Santa Rally) คือ ภาวะที่ตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงสิ้นปีจนถึง 2 วันแรกของปีใหม่ รวมเป็นเวลา 7 วัน
หุ้นเกือบทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วงลงกว่า 2%
แต่หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส อิงค์ และหุ้นอะโดบี อิงค์ ปิดพุ่งขึ้นสวนทางตลาด โดยพุ่งขึ้น 2.82% และ 2.99% ตามลำดับ
▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) จากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB), ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นดอกเบี้ย
CAC-40 -1.08%
Stoxx Europe 600 -1.20%
DAX -0.67%
FTSE 100 -1.27%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจพีมอร์แกนปรับเพิ่มคาดการณ์ดอกเบี้ยสูงสุดของยูโรโซนจากระดับ 2.50% เป็น 3.25% และการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของอังกฤษที่ลดลงเกินคาดในเดือน พ.ย.
ทำให้หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลงถ่วงตลาดลง โดยหุ้นไบเออร์ เอจี และหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า ร่วง 3.8% และ 1.8% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มเทเลคอม ร่วงลง 2.5% โดยถูกกดดันจากหุ้นเทเลทู เอบี (Tele2 AB) ซึ่งร่วงลง 6.5% หลังซิตี้กรุ๊ปปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นดังกล่าว
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ร่วง 4.8% โดยลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยปรับตัวลงด้วย
