
Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันพุธ (23 พ.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กล่าวว่า ควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หากพิจารณาจากผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ อีกทั้ง ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพุธ (23 พ.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กล่าวว่า ควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หากพิจารณาจากผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ
Dow Jones +0.28%
S&P500 +0.59%
Nasdaq +0.99%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์ม ดีดขึ้น 0.72%, หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1%, หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.59% และหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.45%
หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 7.82% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสลาขึ้นสู่ระดับ “Neutral (คงน้ำหนักการลงทุน)” จากเดิมที่ระดับ “Sell (แนะนำให้ขาย)”
หุ้นเดียร์ แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องมือด้านการเกษตร พุ่งขึ้น 5.03% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
ส่วนหุ้นนอร์ดสตรอม ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 4.24% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไร
วันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ เนื่องจากวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.
▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันพุธ (23 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
CAC-40 +0.32%
Stoxx Europe 600 +0.60%
DAX +0.036%
FTSE 100 +0.17%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 1.8% ขณะที่หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ และกลุ่มค้าปลีก ปรับตัวขึ้น 1.9% และ 1.7% ตามลำดับ
ดัชนี STOXX 600 ทะยานขึ้น 14.6% แล้วจากระดับปิดต่ำสุดในเดือน ก.ย. โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3