
Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันพุธ (7 ธ.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อย โดยมีการซื้อขายอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย สาเหตุนี้ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเช่นกัน นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารร่วงลงมากที่สุด
▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพุธ (7 ธ.ค.) โดยมีการซื้อขายอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
Dow Jones +0.005%
S&P500 -0.19%
Nasdaq -0.51%
ผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่อย่างโกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า
หุ้นเทสลาและแอปเปิ้ลดิ่งลง 3.2% และ 1.4% ตามลำดับ ซึ่งฉุดเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.85%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.22% และหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ปรับตัวลง 0.61%
ภาพรวมของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางปรับตัวลงเช่นกัน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบในวันพุธ (7 ธ.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารร่วงลงมากที่สุด เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
CAC-40 -0.41%
Stoxx Europe 600 -0.62%
DAX -0.57%
FTSE 100 -0.43%
หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดร่วงลง โดยปรับตัวลง 2.0% ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งส่งผลถ่วงตลาดยุโรปลงด้วย
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง เช่น หุ้นแอร์บัส ร่วงลง 2.2% หลังยกเลิกคาดการณ์การส่งมอบเครื่องบิน