
Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอาจทำให้ FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขาย เพื่อรอติดตามการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางรายใหญ่ทั้ง FED และ ECB
▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอาจทำให้ FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
Dow Jones +0.55%
S&P500 +0.75%
Nasdaq +1.13%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.6% โดยหุ้นแอปเปิ้ล ปรับตัวขึ้น 1.21%, หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.14%, หุ้นอินวิเดีย ทะยานขึ้น 6.51%, หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.24% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ เพิ่มขึ้น 1.23%
หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 3.18% และหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.04% หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับเด็กทารกที่มีอายุเพียง 6 เดือน
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ และจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566
▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบในวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
CAC-40 -0.20%
Stoxx Europe 600 -0.17%
DAX +0.02%
FTSE 100 -0.23%
หุ้นกลุ่มการเงินถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยหุ้นกลุ่มธนาคารลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน อีกทั้ง หุ้นตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนร่วงลง 6.4% หลังยูบีเอสปรับลดราคาเป้าหมาย และอันดับความน่าลงทุน
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคร่วงลงกว่า 3% ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดตลาดเช่นกัน