
ราคาน้ำมันดิบ ปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (26 พ.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงวันหยุด Memorial Day รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลงคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
ราคาน้ำมันดิบ ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สอง เนื่องจากนักลงทุนมองว่า สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว จากความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด Memorial Day ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ชาวอเมริกันจะขับรถออกไปท่องเที่ยว โดยฤดูกาลดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในช่วงสิ้นเดือน พ.ค. ไปจนถึงวันหยุดเนื่องในวันแรงงานสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย.
ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 737,000 บาร์เรล
ขณะเดียวกันตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากการที่นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป แสดงความเชื่อมั่นว่า สมาชิก EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงการใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย โดย EU จะจัดการประชุมซัมมิตในวันที่ 30-31 พ.ค. เพื่อพิจารณาพิจารณาการใช้มาตรการดังกล่าวต่อรัสเซีย โดยมุ่งหวังตอบโต้รัสเซียที่ใช้ปฏิบัติการทางทหารบุกโจมตียูเครน
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดน้ำมัน โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่ 101.8290 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยให้สัญญาน้ำมันซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์มีราคาถูกลง และน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 2 มิ.ย. นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า โอเปกพลัสจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิม ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 432,000 บาร์เรล/วัน สำหรับเดือน ก.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย. แม้ว่าสหรัฐฯ และหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตให้มากกว่าในระดับปัจจุบัน เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นนับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.