
ราคาน้ำมันดิบ ปิดบวกในวันอังคาร (7 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวเนื่องจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่ยังไม่มีความคืบหน้า
ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในกรุงปักกิ่ง และยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในนครเซี่ยงไฮ้
ทำให้ตลาดน้ำมันเกิดภาวะตึงตัวจากการที่จีนมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่รัสเซียลดการผลิตน้ำมันจากการที่สหภาพยุโรป (EU) ใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย คาดการณ์ว่า รัสเซียจะลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน ภายในสิ้นปีนี้ จากระดับ 10.8 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ค. และจะฟื้นการผลิตสู่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ธ.ค. 2566
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านยังไม่มีความคืบหน้า โดยล่าสุดสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อเรียกร้องของอิหร่านที่ต้องการให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนั้น กำลังเป็นตัวขัดขวางกระบวนการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 มิ.ย.