
ราคาน้ำมันดิบปิดร่วงหลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ในวันพุธ (6 เม.ย.) หลังจากประเทศสมาชิกสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ตกลงว่า จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองเพื่อรับมือกับภาวะอุปทานตึงตัว นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประเทศสมาชิก IEA จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ในปริมาณ 120 ล้านบาร์เรล เพื่อรับมือกับภาวะอุปทานตึงตัว และสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยน้ำมันที่จะระบายออกจากคลังนี้ รวมถึงน้ำมันจากคลังของสหรัฐฯ ในปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 1 เม.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะลดลง 1.85 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลของ EIA สอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA ยังเปิดเผยด้วยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล