ราคาน้ำมันดิบ ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ในวันพุธ (8 มิ.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ
ราคาน้ำมันดิบ ทะยานขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้น แม้ราคาน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการพุ่งขึ้นอย่างมากก็ตาม โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์อเมริกา (AAA) ระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.955 ดอลลาร์/แกลลอน ในวันพุธที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในกรุงปักกิ่ง และยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในนครเซี่ยงไฮ้ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว จะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด โดยก่อนหน้านี้ อิหร่านผลิตน้ำมันเฉลี่ย 2.4 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2564 และคาดว่าจะผลิตได้ 3.8 ล้านบาร์เรล/วัน หากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
