ราคาน้ำมันดิบ ปิดร่วงลงในวันพุธ (7 ก.ย.) จากการเปิดเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีน และการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือน ส.ค. ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือน ก.ค. ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือน ส.ค. ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน ก.ค. ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%
ซึ่งจีนที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก และในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 9.92 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ และคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เช่นกันในวันที่ 21 ก.ย. สำหรับธนาคารกลางที่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว ได้แก่ ธนาคารกลางแคนาดา และธนาคารกลางออสเตรเลีย
