ราคาน้ำมันดิบปิดบวกในวันพุธ (20 เม.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 8.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายในเดือน มี.ค. ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซียได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และชาติตะวันตก เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก โดย IMF คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 3.6% ทั้งในปี 2565 และ 2566 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือน ม.ค. ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 4.4% ในปี 2565 และ 3.8% ในปี 2566
