ราคาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพุธ (30 มี.ค.) หลังสหรัฐฯ เผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดว่า จะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยบวกจากความไม่แน่นอนที่ว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นไปในทางที่ดี หลังจากกองกำลังทหารรัสเซียได้ระดมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ เมื่อวานนี้ แม้ว่ารัสเซียเพิ่งให้คำมั่นสัญญาเมื่อวันอังคารว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครนก็ตาม
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ ซึ่งคาดว่าโอเปกพลัสจะยังคงมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิม โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียงเล็กน้อยในเดือน พ.ค. คาดการณ์ว่า ซาอุดีอาระเบียจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิตตามมติเดิม เนื่องจากไม่ต้องการส่งสัญญาณขัดแย้งกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกในโอเปกพลัสเช่นกัน
