ดัชนี PMI คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ต้องติดตามข่าว PMI

Table of Contents
ดัชนี PMI คืออะไร

PMI คืออะไร? ในยุคปัจจุบันที่ตลาดการลงทุนไม่สามารถคาดการณ์ได้ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องมีเข็มทิศนำทางและสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าอย่าง ดัชนี PMI เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจและสามารถปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ บทความนี้พี่โบ้จึงจะพาคุณไปสำรวจความหมายและความสำคัญของ PMI พร้อมเจาะลึกว่าข้อมูลจากดัชนีนี้จะช่วยนำทางให้คุณได้อย่างไร

*หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและเพื่อการศึกษาเท่านั้น อีกทั้งการลงทุนทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

PMI หรือดัชนี PMI (ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ) ย่อมาจาก Purchasing Managers Index โดยดัชนีดังกล่าว เป็นดัชนีที่ใช้วัดสภาวะการขยายหรือหดตัวของภาคการผลิตและบริการของเศรษฐกิจ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ รวมถึงยังช่วยบ่งบอกแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต ทำให้ดัชนี PMI สามารถแบ่งออกเป็น 2 ภาคส่วนหลัก ๆ คือ ดัชนีภาคการผลิตและดัชนีภาคบริการครับ

เดิมทีแล้วดัชนี PMI ถูกจัดทำขึ้น โดยหลายองค์กร ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและประเทศนั้น ๆ แต่จะมีองค์กรหลัก ๆ ที่จัดทำดัชนี PMI ที่คุณควรรู้ครับ

  1. ISM หรือ ISM Manufacturing PMI
  2. S&P Global (เดิมคือ IHS Markit)
  3. Caixin Media Company Ltd

สำหรับดัชนี PMI ของประเทศไทยจะถูกจัดทำขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับ Markit Economics (ปัจจุบันควบรวมกิจการกับ S&P Global Market Intelligence) และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งประเทศไทยครับ

ดัชนี PMI ของแต่ละประเทศล้วนมีความสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น แต่รู้ไหมครับว่า PMI ที่สำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ควรติดตามมี 5 ประเทศด้วยกัน ดังนี้

  1. ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดทำโดย ISM Manufacturing PMI
  2. ประเทศจีน จัดทำโดย Caixin และ Official PMI
  3. ประเทศโซนยุโรป จัดทำโดย Eurozone Manufacturing PMI
  4. ประเทศญี่ปุ่น จัดทำโดย Jibun Bank Japan PMI
  5. ประเทศเยอรมนี จัดทำโดย S&P Global Germany PMI

ดัชนี PMI ของสหรัฐที่จัดทำขึ้นโดย ISM Manufacturing PMI เป็นดัชนีที่เทรดเดอร์มีการติดตามมากที่สุด เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า ขนาดเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐมีขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลต่อตลาดการเงินทั่วโลก

องค์ประกอบของค่า PMI

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ส่วนประกอบของ PMI จะมาจากดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการครับ โดยทั้งสองภาคส่วนจะมีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบหลักที่นำมาคิดคำนวณ ดังนี้

  1. ยอดคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders) 
  2. ปริมาณสินค้าคงคลัง  (Stock of Items Purchased)
  3. เวลาการจัดส่งของซัพพลาย (Suppliers’ Delivery Times)
  4. การจ้างงาน (Employment)
  5. ผลผลิต (Production) 

แม้พี่โบ้จะบอกว่า ทั้งสองภาคส่วนมีการคำนวณจาก 5 องค์ประกอบหลักเหมือนกัน แต่รู้ไหมครับว่า เปอร์เซ็นต์และน้ำหนักในการคิดคำนวณของแต่ละภาคส่วนมีความแตกต่างกัน เพราะภาคการผลิตย่อมมีความแตกต่างจากภาคบริการอยู่แล้วครับ

ประเภทของ PMI ที่เทรดเดอร์ควรรู้!

ส่วนประกอบหลักของ PMI แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • ดัชนี PMI ด้านการผลิต (Manufacturing PMI)

คือ ดัชนีนี้จะสะท้อนภาคการผลิตและแนวโน้มด้านการผลิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

  • ดัชนี PMI ฝ่ายจัดซื้อด้านการบริการ (Non-Manufacturing PMI)

คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ ที่จะสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจในภาคบริการ

หากคุณอยากจะเข้าใจดัชนี PMI อย่างชัดเจน คุณจำเป็นจะต้องเข้าใจหลักการตีความหมายค่า PMI ก่อนครับ เพราะหลักการเหล่านี้ จะช่วยให้คุณนำตัวเลขไปตีความและนำไปใช้งานต่อได้

ความหมายของระดับค่า PMI

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่า ทั้งสองดัชนีที่กล่าวไปข้างต้นจะมีค่าตั้งแต่ 0-100 โดยตัวเลขของดัชนีต่าง ๆ จะบ่งบอกสิ่งเหล่านี้ครับ

  • ค่าดัชนี PMI > 50 แสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคส่วนนั้น ๆ กำลัง ขยายตัว
  • ค่าดัชนี PMI = 50 แสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ คงที่ หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทางเศรษฐกิจ
  • ค่าดัชนี < 50 แสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลัง หดตัว

และถ้าหากคุณอยากทราบการประมาณค่า PMI ล่วงหน้า เพื่อนำมาคาดการณ์และวางแผนการเทรด คุณจำเป็นจะต้องติดตาม ดัชนี Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI เพิ่มเติมครับ

Flash Manufacturing PMI คือ ค่าประมาณล่วงหน้าของดัชนีผู้จัดการจัดซื้อภาคการผลิตของแต่ละประเทศ โดยข้อมูลจากการคาดการณ์จะมาจากผลตอบแบบสำรวจของเดือนนั้น ๆ โดยจะอ้างอิงข้อมูล 85% – 95% ของแบบสำรวจดังกล่าว 

Flash Services PMI คือ ข้อมูลเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริการที่ถูกประมาณการล่วงหน้า ก่อนจะมีการเผยแพร่ข้อมูลจริง โดยครอบคลุมธุรกิจบริการประเภทต่าง ๆ เช่น  ธนาคาร ขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร และบริการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตครับ

ทำให้ Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่บ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจ และเป็นตัวช่วยให้นักลงทุน สามารถคาดการณ์แนวโน้มและทิศทางของเศรษฐกิจ ก่อนที่จะมีการประกาศ PMI อย่างเป็นทางการครับ

แบบสอบถาม Flash PMI คืออะไร?

แบบสอบถาม Flash PMI คือ แบบสอบถามดัชนี PMI ที่จะถูกส่งให้ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อในบริษัทต่าง ๆ หลายพันบริษัทหรืออาจถึงหมื่นบริษัท โดยคำถามจะเกี่ยวข้องกับ 5 ตัวแปรหลัก ได้แก่ คำสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน สินค้าคงคลัง เวลาการจัดส่งของซัพพลาย และผลผลิต

ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามจะต้องตอบว่า แต่ละตัวแปรนั้น เพิ่มมากขึ้น, ลดลง หรือเท่าเดิม เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยทั้งภาคผลิตและภาคบริการจะได้รับแบบสอบถามที่มีคำถามคล้ายคลึงกัน แต่จะแตกต่างกันไปตามภาคส่วนครับ

เมื่อคุณทราบการตีความหมายของค่า PMI แล้ว ทีนี้มาดูการคำนวณคะแนนถ่วงน้ำหนักกันครับ การคำนวณหาค่า PMI นั้น จะมาจากการนำดัชนี PMI ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายบริการมารวมกันและถ่วงน้ำหนัก ซึ่งจะสามารถคำนวณมาจากสูตร ดังต่อไปนี้

สูตรการคำนวณหาค่า PMI

ความหมายของตัวแปร

  • P1 = เปอร์เซ็นต์ของการตอบแบบสอบถามที่เพิ่มขึ้น (ขยายตัว)
  • P2 = เปอร์เซ็นต์ของการตอบแบบสอบถามที่ไม่มีการเปลี่ยน (คงที่)
  • P3 = เปอร์เซ็นต์ของการตอบแบบสอบถามที่มีตัวเลขลดลง (หดตัว)

*หมายเหตุ: เปอร์เซ็นต์จากแบบสำรวจตัวแปรดังกล่าว มาจากการเปรียบเทียบกับข้อมูลของเดือนก่อนหน้า

ตัวอย่างการคำนวณหาค่า PMI

ในเดือนนี้มีการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิต พบว่าทางฝั่งของยอดคำสั่งซื้อใหม่ได้ผลลัพธ์ ดังนี้

  • ผู้ตอบแบบสำรวจ 60% รายงานว่ายอดสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น (P1 = 60%) > นำไปแปลงเป็นทศนิยมได้ 0.60
  • ผู้ตอบแบบสำรวจ 20% รายงานว่ายอดสั่งซื้อใหม่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (P2 = 20%) > นำไปแปลงเป็นทศนิยมได้ 0.20
  • ผู้ตอบแบบสำรวจ 10% รายงานว่ายอดสั่งซื้อใหม่ ลดลง (P3 = 10%)  > นำไปแปลงเป็นทศนิยมได้ 0.10

จากตัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้นสามารถแทนลงในสูตรการคำนวณหาค่า PMI ได้ดังนี้

  • PMI = (0.60×1) + (0.20×0.5) + (0.10×0) 
  • PMI = 0.60+0.10+0 
  • PMI = 0.70

เมื่อได้ค่าดังกล่าวแล้ว ให้นำไปคูณด้วย 100 เพื่อแปลเป็นค่าดัชนี PMI จะได้เท่ากับ 0.70 x 100 = 70 นั่นเท่ากับว่า “ยอดสั่งซื้อใหม่” คือ 70 ซึ่งมีค่ามากกว่า 50 แสดงให้เห็นว่า ภาคการผลิตด้านคำสั่งซื้อใหม่ กำลังมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นครับ

ทำไมต้องติดตามข่าว PMI

ข่าว PMI เป็นข่าวเกี่ยวกับการชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากสามารถบ่งบอกได้ถึงภาพรวมของทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ และที่สำคัญข่าว PMI จะออกเร็วกว่าข่าวเศรษฐกิจอื่น ๆ ทำให้การติดตามข่าวดังกล่าว จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนและปรับกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างทันท่วงทีครับ

ดังนั้นแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อมีการประกาศข่าว PMI ออกมาแต่ละครั้ง ตลาดการลงทุนก็เกิดความเคลื่อนไหวตามไปด้วยเช่นกัน เมื่อคุณเห็นความสำคัญของการติดตามข่าว PMI แล้ว พี่โบ้จะพาไปดูผลกระทบของดัชนี PMI ต่อตลาดการลงทุนกันครับ

📢 Traderbobo แนะนำ

นอกจาก ข่าว PMI ที่เทรดเดอร์ Forex ต้องจับตามองแล้ว ยังมี ข่าวเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ อีกมากมายที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด มาดูกันว่ามีข่าวอะไรบ้างที่คุณต้องระวัง 👇📈

เพื่อให้เห็นภาพผลกระทบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นพี่โบ้จะขอแบ่งตามตลาดการลงทุน ดังนี้

ตลาดการลงทุนPMI ขยายตัว
(ค่า PMI มากกว่า 50)
PMI หดตัว
(ค่า PMI น้อยกว่า 50)
ตลาดฟอเร็กซ์เมื่อ PMI ขยายตัว อาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ทำให้ความต้องการสกุลเงินของประเทศนั้นเพิ่มขึ้น และส่งผลให้สกุลเงิน แข็งค่าขึ้น ด้วยธนาคารกลางอาจพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง จะทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง ตามไปด้วย
ตลาดหุ้นนักลงทุนมักจะมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้เกิดแรงซื้อในตลาดหุ้น และราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจะเพิ่มขึ้น และนักลงทุนอาจเทขายหุ้น หรือชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลดลง
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โรงงานมีการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการวัตถุดิบและพลังงานเพิ่มขึ้นตาม น้ำมัน โลหะ หรือวัตถุดิบทางการเกษตร จะเป็นที่ต้องการ สิ่งนี้จะส่งผลให้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นบ่งชี้ถึงการลดลงของการผลิต ความต้องการวัตถุดิบจะลดลง ส่งผลให้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มลดลง

นอกจากดัชนี PMI จะส่งผลต่อตลาดการลงทุนแล้ว รู้หรือไม่ครับว่า PMI ที่ขยายตัวหรือหดตัว ก็ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายทางการเงินของสหรัฐด้วยเช่นกันแหละครับ

PMI ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการกำหนดทิศทางของนโยบายการเงิน เพราะหาก PMI สื่อถึงการเติบโตของเศรษฐกิจที่พุ่งสูงอาจนำไปสู่การเกิดภาวะเงินเฟ้อ และตามมาด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว

ในทางกลับกัน หาก PMI เกิดการหดตัว ก็อาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยหรือการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วครับว่า การตัดสินใจเหล่านี้ล้วนแต่มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดการลงทุนในวงกว้างอย่างแน่นอน

เทรดเดอร์สามารถติดตามข่าว PMI ได้จากหลากหลายช่องทางและตามเว็บไซต์เกี่ยวกับการลงทุนครับ

ดัชนี PMI เป็นดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตและภาคบริการ ที่มีความสำคัญต่อตลาดการเงิน เนื่องจากดัชนีดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสภาวะของเศรษฐกิจในช่วงปัจจุบันและแนวโน้มของเศรษฐกิจในอนาคตโดยตรงและยังเปรียบเหมือน สัญญาณแรก ที่บอกเล่าเรื่องราวของเศรษฐกิจในแต่ละเดือน ดังนั้น หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ลงทุนในตลาดการลงทุน การติดตามข่าว PMI ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้ามนั่นเองครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดัชนี PMI

1. ดัชนี PMI วัดอะไรบ้าง?

PMI วัดกิจกรรมทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ เช่น ยอดคำสั่งซื้อใหม่, ผลผลิต, การจ้างงาน, เวลาในการจัดส่งสินค้า และปริมาณสินค้าคงคลังครับ

2. ข่าว PMI วันนี้ติดตามได้ที่ไหน?

ข่าว PMI จะไม่ประกาศเป็นรายวันเหมือนกับข่าวที่เราสามารถติดตามได้ทั่วไป แต่ข่าว PMI จะมีการประกาศเป็นรายเดือน ซึ่งคุณสามารถติดตามประกาศได้ตามช่องทางต่อไปนี้

  • Investing.com
  • S&P Global
  • Forex Factory

3. ดัชนี PMI ภาคการผลิตคืออะไร?

ดัชนี PMI ภาคการผลิต คือ ดัชนีที่สะท้อนถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมและการผลิต ในประเทศนั้น ๆ  โดยดัชนีดังกล่าวได้มาจากการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า

4. ดัชนี PMI ภาคการบริการคืออะไร?

ดัชนี PMI ภาคการบริการ คือ ดัชนีที่สะท้อนถึงภาพรวมของภาคการบริการ ในประเทศนั้น ๆ โดยดัชนีนี้จะได้มาจากการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือผู้บริหารในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต่าง ๆ 

5. PMI ย่อมาจากอะไร?

PMI ย่อมาจาก Purchasing Managers Index ครับ

6. ดัชนี PMI ประเทศไทยเผยแพร่บ่อยไหม?

ความถี่ของการเผยแพร่ดัชนี PMI ของประเทศ จะเท่ากับการเผยแพร่ดัชนี PMI ของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกครับ นั่นคือ จะเผยแพร่หนึ่งเดือนต่อครั้ง โดยระยะเวลาในการเผยแพร่จะมีช่วงเวลา ดังนี้

  • PMI ภาคการผลิต (Manufacturing PMI) เผยแพร่วันทำการแรกของแต่ละเดือน
  • PMI ภาคบริการ (Services PMI) เผยแพร่วันทำการที่สามของแต่ละเดือน
  • PMI รวมทุกภาคส่วน เผยแพร่วันทำการที่สามของแต่ละเดือน

7. ISM Manufacturing PMI คืออะไร?

ISM Manufacturing PMI คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐอเมริกา ที่จัดทำโดย ISM (Institute for Supply Management)


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense