เจาะลึก Bullish Vs Bearish สภาวะตลาดกระทิงตลาดหมีคืออะไร?

Table of Contents
Bullish Vs Bearish ตลาดหมีตลาดกระทิงคืออะไร

ทำความรู้จักตลาดหมีตลาดกระทิงสองคำคุ้นหูที่เทรดเดอร์หลายคนรู้จักกันดี แล้วสภาวะตลาดแบบไหนต้องทำอย่างไร ใช้กลยุทธ์อะไร และมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง? บทความนี้จะพาคุณไปไขข้อสงสัยทั้งหมดที่กล่าวมา และพี่โบ้จะพาคุณไปทำความรู้จักสัตว์อื่น ๆ ที่ถูกนำมาใช้ในตลาดลงทุนสัตว์ชนิดไหนจะแทนอะไรบ้างมาหาคำตอบกันครับ!

*หมายเหตุ: บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชี้ชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาการลงทุนให้ละเอียดก่อนเริ่มทำการลงทุน

เหตุผลที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจตลาดหมีและตลาดกระทิงมีดังนี้

  • ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
  • ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจจิตวิทยาการลงทุนของเทรดเดอร์ด้วยกันเอง
  • ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเลือกกลยุทธ์การเทรดในแต่ละสภาวะตลาดได้อย่างเหมาะสม
  • เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นโอกาสในการลงทุนได้อย่างชัดเจน

ที่มาของตลาดหมีและตลาดกระทิง

ตลาดหมี (Bearish) และ ตลาดกระทิง (Bullish) ถูกนำมาใช้เรียกแทนแนวโน้มของราคาสินทรัพย์ในแต่ละสภาวะตลาด โดยจะใช้พฤติกรรมของสัตว์ทั้งสอง เพื่อสื่อถึงแนวโน้มดังกล่าว

ตลาดหมี (Bearish) คืออะไร

ตลาดหมี คือ ช่วงที่เทรดเดอร์ขาดความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะเทขายตลอดเวลา ทำให้ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับพฤติกรรมของหมีเวลาต่อสู้จะใช้อุ้งมือตะปบลงพื้นเปรียบเหมือนราคาของสินทรัพย์ที่ร่วงลงครับ

ลักษณะของตลาดหมี (Bearish)

คุณสามารถสังเกตลักษณะของตลาดหมีหรือ Bearish ได้ดังนี้

  1. ราคาสินทรัพย์ของช่วงนั้นจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจนทำให้ตลาดโดยรวมซบเซา
  2. ตลาดช่วงนี้เทรดเดอร์มักมีความเชื่อมั่นต่ำ ทำให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เพื่อลดและกระจายความเสี่ยง
  3. สภาพเศรษฐกิจ ณ ตลาดช่วงนั้นมักอยู่ในช่วงชะลอตัวและถดถอย

🐶💬 อีกหนึ่งทฤษฎีกล่าวว่า “ตลาดหมี” มีรากฐานมาจาก สุภาษิตในศตวรรษที่ 18 ที่พูดถึง “Selling the bear’s skin before one has caught the bear” (ขายหนังหมีก่อนจับหมีได้) โดยช่วงนั้น Bearskin หรือหนังหมีที่ว่า หมายถึงสัญลักษณ์ของ “ผู้ที่ขายหุ้นล่วงหน้าด้วยความคาดหวังว่าราคาจะลดลง” นั่นเองครับ

รูปแบบกราฟของตลาดหมี  (Bearish)

กราฟตลาดหมีจะมีลักษณะเด่น คือ แท่งเทียราคาจะเทเป็นขาลงอย่างชัดเจนตามภาพ โดยคุณสามารถสังเกตโดยละเอียดได้ดังนี้

รูปแบบกราฟของตลาดหมี  (Bearish)

แนวโน้มของราคา

  • ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง

ลักษณะของตลาดหมี

  • จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดต่ำกว่าจุดก่อนหน้า (Lower Highs & Lower Lows)
  • มีการ Rebound (กลับตัวขึ้น) บ้างเล็กน้อย แต่ไม่สามารถทำลายแนวโน้มที่เป็นขาลงได้

รูปแบบของแท่งเทียน

  • ภาพรวมของแท่งเทียนสีแดงที่เป็น Bearish จะมากกว่าแท่งเทียนสีเขียว Bullish → แรงขายที่มีมากกว่าแรงซื้อ

ตลาดกระทิง (Bullish) คืออะไร

ตลาดกระทิง คือ ช่วงที่เทรดเดอร์มาพร้อมกับความเชื่อมั่นที่จะเข้าซื้อ ตลาดกระทิงจึงแทนแนวโน้มขาขึ้นที่เกิดอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเหมือนแรงขวิดของกระทิง เพราะเมื่อกระทิงต่อสู้มันมักจะใช้เขาของมันขวิดขึ้นแรง ๆ และโดยทั่วไปแล้ว Bullish จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงด้วยกันครับ

วัฏจักรของตลาดกระทิง

วัฏจักรของตลาดกระทิงมักจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงตามทฤษฎีดาว (Dow Theory) ดังนี้

  • ระยะสะสม (Accumulation Phase): ช่วงที่เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกเริ่มเข้าซื้อสินทรัพย์
  • ระยะเข้าร่วมของเทรดเดอร์ทั่วไป (Public Participation Phase): ช่วงที่เทรดเดอร์รายย่อยเริ่มทยอยเข้ามามีส่วนร่วม ทำให้ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วตามแรงซื้อ
  • ระยะกระจาย (Distribution Phase): ช่วงที่เทรดเดอร์รายใหญ่เริ่มขายทำกำไร ในขณะที่เทรดเดอร์รายย่อยยังคงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง

ลักษณะของตลาดกระทิง (Bullish)

คุณสามารถสังเกตลักษณะของตลาดกระทิงหรือ Bullish ได้ดังนี้

  1. ราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  2. ตลาดช่วงนี้มักเป็นช่วงที่เทรดเดอร์มีความมั่นใจสูง ทำให้เกิดความกล้าและปริมาณในการซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  3. เทรนด์ของราคามักจะมีมุมเฉียงขึ้นประมาณ 45 องศาในกราฟราคา ซึ่งสะท้อนถึงความต่อเนื่องและความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย

รูปแบบกราฟของตลาดกระทิง (Bullish)

กราฟตลาดกระทิงจะมีลักษณะเด่น คือ แท่งเทียนจะชันขึ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจนตามภาพตัวอย่าง ซึ่งคุณสามารถสังเกตรายละเอียดอื่น ๆ ได้ดังนี้

รูปแบบกราฟของตลาดกระทิง (Bullish)

แนวโน้มของราคา

  • ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง

ลักษณะของตลาดกระทิง

  • จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดจุดใหม่จะสูงกว่าตำแหน่งเดิม (Higher Highs & Higher Lows)
  • มีการ Pullback (ปรับตัวลง) บ้างแต่กลับมาแข็งแรงกว่าเดิม และไม่สามารถไม่ทำลาย Trend ดังกล่าวได้

รูปแบบของแท่งเทียน

  • ภาพรวมของแท่งเทียนสีเขียวที่เป็น Bullish จะมากกว่าแท่งเทียนสีแดง Bearish → แรงซื้อที่มีมากกว่าแรงขาย

จากหัวข้อที่กล่าวมาก่อนหน้าพี่โบ้ได้เปรียบเทียบความแตกต่างทั้งสองสภาวะตลาด และกลยุทธ์ในการเทรดในสภาวะตลาดต่าง ๆ ไว้ดังนี้

ตลาดหมี (Bearish)ตลาดกระทิง (Bullish)
ความหมายภาวะที่ราคาของคู่สกุลเงินที่อยู่ในแนวโน้มที่เป็นขาขึ้นภาวะที่ราคาของคู่สกุลเงินที่อยู่ในแนวโน้มที่เป็นขาลง
แนวโน้มของราคาราคามีการปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่องราคามีการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ความรู้สึกของเทรดเดอร์เทรดเดอร์มักมีความกังวลและมีความเชื่อมั่นต่ำเทรดเดอร์มักมีความมั่นใจและมีความเชื่อมั่นที่สูง

และเมื่อสภาวะตลาดอยู่ในแนวโน้มที่ชัดเจนอย่าง “ตลาดหมีและตลาดกระทิง” เทรดเดอร์สามารถพิจารณาใช้กลยุทธ์ในการเทรดได้ดังต่อไปนี้

กลยุทธ์รับมือตลาดหมีและตลาดกระทิง

  • ตลาดหมี: เน้น “Short” (ขาย) พร้อมกับใช้กลยุทธ์ Hedging ควบคู่เพื่อลดความเสี่ยง บริหาร Money Management ให้ดี และเตรียมพร้อมรับมือความผันผวนสูง
  • ตลาดกระทิง: เน้น “Long” (ซื้อ) ใช้ Trailing Stop เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามเทรนด์ และถือครองออเดอร์ให้นานขึ้นเมื่อสังเกตแล้วว่า ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

*หมายเหตุ: แนวโน้มของตลาดหมีและตลาดกระทิงค่อนข้างชัดเจนและสม่ำเสมอ ดังนั้น เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กลยุทธ์เทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) เพื่อประสิทธิภาพในการลงทุนอย่างสูงสุดครับ

นอกจากการใช้สัตว์ทั้งสองชนิดมาเป็นตัวแทนของสภาวะตลาดแล้ว ในโลกการลงทุนยังมีการใช้สัตว์ต่าง ๆ มาอธิบายพฤติกรรมในการลงทุนของเทรดเดอร์และนโยบายทางการเงินที่น่าสนใจอยู่ครับ 

นโยบายการเงิน
สัตว์ความหมาย
เหยี่ยวการใช้นโยบายตึงตัวในการดำเนินนโยบายทางการเงิน เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นกพิราบการใช้นโยบายผ่อนคลายในการดำเนินนโยบายทางการเงิน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย
ประเภทของเทรดเดอร์
สัตว์ความหมาย
หมูเทรดเดอร์ที่รีบขายทำกำไรเร็วเกินไป จนเสียโอกาสในการลงทุน
ควายเทรดเดอร์ที่ขาดทุนจากการซื้อสินทรัพย์ที่ผิดเวลา
แกะเทรดเดอร์ที่คอยลงทุนตามเทรดเดอร์กลุ่มใหญ่เหมือนแกะที่คอยตามฝูง จนอาจทำให้ถูกขย้ำได้ง่าย ๆ เหมือนกับแกะ
แมลงเม่าเทรดเดอร์ที่เข้าไปซื้อสินทรัพย์ในช่วงที่ตลาดขึ้นแรงโดยไม่ได้กังวลว่าตนเองจะขาดทุน จนเปรียบเสมือนแมงเม่าที่คอยบินเข่ากองไฟ

ตลาดหมี (Bearish) และตลาดกระทิง (Bullish) เป็นการแทนทั้งสองสภาวะตลาดที่แข็งแกร่งด้วยพฤติกรรมของสัตว์ทั้งสองชนิด ให้จำไว้ว่าตลาดหมีมักจะแทนแนวโน้มขาลง และตลาดกระทิงจะแทนแนวโน้ในมขาขึ้น ดังนั้น กลยุทธ์การเทรดในแต่ละสภาวะตลาดก็จะแตกต่างกันไปตามภาพรวมของตลาด แต่ต้องอย่าลืมว่าตลาดมักจะมีช่วงเปลี่ยนผ่านของมันเสมอ ซึ่งจะเป็นช่วงที่เทรดเดอร์ต้องระวังเป็นพิเศษ

สุดท้ายนี้ ปัจจัยภายนอก อย่างนโยบายธนาคารกลางและเหตุการณ์เศรษฐกิจโลก ก็ยังคงมีผลต่อการเกิดขึ้นและสิ้นสุดของแต่ละสภาวะตลาด ดังนั้น การติดตามปัจจัยเหล่านี้ควบคู่ไปด้วยจะช่วยให้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงและปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตลาดหมีและตลาดกระทิง

1. สัญญาณของตลาดกระทิงคืออะไร?

สัญญาณของตลาดกระทิง คือ ราคาของสินทรัพย์ทางการเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงซื้อมากกว่าแรงขาย ซึ่งมาจากความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นครับ

2. ขนาดของ Time Frame มีผลต่อการดูแนวโน้มในตลาดหมีและกระทิงไหม?

มีผลแน่นอนครับ โดย Time Frame ที่มีขนาดใหญ่จะแสดงโน้มของตลาดหมีและกระทิงอย่างชัดเจนในขณะที่ Time Frame ระยะสั้นจะแสดงรูปแบบของทั้งสองตลาดสลับกันไปมาบ่อยครั้ง จนอาจเกิดสัญญาณหลอกได้ง่ายครับ

3. นอกจากตลาดหมีและตลาดกระทิงมีตลาดอื่นอีกไหม?

นอกเหนือจากสองตลาดนี้ยังคงมีตลาด Sideway หรือช่วงที่ราคาจะเคลื่อนที่ในกรอบแคบ ๆ โดยไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน

4. ทำไมต้องทำความเข้าใจตลาดหมีและตลาดกระทิง?

การทำความเข้าใจสภาวะของตลาดหมีและตลาดกระทิงจะช่วยให้นักลงทุนวางแผนรับมือและวางกลยุทธ์การเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense