กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐฯ ยูโรโซน และจีน ในปี 2023 ซึ่งเป็นการปรับลดที่สูงกว่าภูมิภาคอาเซียน โดย IMF คาดการณ์ว่า ในปีหน้าอาเซียนจะเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตมากที่สุดในโลก ซึ่งมาเลเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่มีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) มากกว่าไทย แม้ว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นมาเลเซียจะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดหุ้นไทย แต่หากมองเพื่อการลงทุนในระยะยาว และประกอบกับปัจจัยด้านต่าง ๆ ทำให้การลงทุนหุ้นมาเลเซียก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
มาเลเซีย เป็นประเทศที่มีเม็ดเงินจากต่างประเทศไหลเข้าไปลงทุนในอัตราที่สูง เนื่องจากเศรษฐกิจของมาเลเซียมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังการระบาดของโควิด-19 เริ่มชะลอตัวลง ซึ่งมีผลมาจากความต้องการซื้อในประเทศที่สูง การฟื้นตัวของตลาดแรงงาน และความต้องการซื้อจากต่างประเทศที่ยังคงเหนียวแน่น อีกทั้ง รัฐบาลสามารถจัดการเงินเฟ้อได้ค่อนข้างดี ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับ 2.3% ซึ่งเป็นเกณฑ์ยังคงรับมือได้ แตกต่างจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่กำลังมีปัญหาด้านเงินเฟ้ออย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้
สาเหตุที่ควรลงทุนหุ้น ‘มาเลเซีย’
ประเด็นแรกที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของมาเลเซียนั้นใกล้เคียงกับไทยมาก เช่น ยาพารา รถยนต์ ปาล์มน้ำมัน เนื่องจากเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาในช่วงเดียวกัน ทำให้นโยบายต่าง ๆ ของทางภาครัฐมีความคล้ายคลึงกัน รวมไปถึงการดำเนินชีวิตของประชาชน แต่มาเลเซียจะมีรายได้ต่อหัวที่สูงกว่าไทย และยิ่งไปกว่านั้น คือ ค่าครองชีพที่ต่ำกว่า ทำให้คนมาเลเซียมีกำลังซื้อที่มากกว่า จึงทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า สาเหตุหลักที่ทำให้มาเลเซียฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากเกิดการระบาดโควิด-19 มาจากความต้องการซื้อในประเทศที่สูง โดยการใช้จ่ายขายปลีกในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบเป็นรายปี
เฟอร์เดาส์ รอสลี (Firdaos Rosli) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ที่ MARC Ratings กล่าวว่า
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมาเลเซียขณะนี้เหมือนลูกบอลที่กำลังเด้งกลับมา“
ประเด็นต่อมาเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ หลังจากที่เกิดโควิด-19 ทำให้ GDP ในประเทศติดลบ 5.6% ในปี 2563 แต่เศรษฐกิจของมาเลเซียกลับเติบโตมาได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 สูงถึง 16.1% เป็นผลมาจากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชัดเจน รวมไปถึงเร่งฉีดวัคซีน องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของมาเลเซีย ในปี 2565 จะฟื้นตัวถึง 6.1%
และประเด็นสุดท้าย แน่นอนว่าการระบาดของโควิด-19 นั้นทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง ซึ่งตลาดหุ้นมาเลเซียก็หนีไม่พ้นเช่นกัน แต่ปัจจุบันดัชนี FTSE Bursa Malaysia KLCI ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหุ้นที่ประกอบด้วย 30 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียได้ฟื้นตัวกลับมาเท่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว บ่งชี้ว่า นักลงทุนได้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ และก้าวผ่านบทเรียนครั้งใหญ่มาแล้ว
หากดูข้อมูลจาก MSCI ซึ่งเป็นดัชนีที่นักลงทุนที่เป็นสถาบันการเงินทั่วโลกใช้เทียบผลงานระหว่างกองทุนที่บริหารกับตัวดัชนี โดยดัชนี MSCI Malaysia นั้นมีสัดส่วนกระจุกที่กลุ่มธนาคารมากถึง 40% รองลงมาเป็นกลุ่มอุปโภคบริโภค 12.72% กลุ่มวัสดุพื้นฐาน 9.29% กลุ่มสาธารณูปโภคอีก 8.02% และกลุ่มโทรคมนาคม 7.73%
บริษัทที่น่าลงทุนในมาเลเซีย
- Maybank เป็นธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซีย และเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- IHH Healthcare โรงพยาบาลจากประเทศมาเลเซีย โดย IHH ถือเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่มากใกล้เคียงกับ BDMS ของประเทศไทย
- PETRONAS CHEMICALS GROUP BHD บริษัทน้ำมันและก๊าซของมาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนหุ้นมาเลเซีย ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจ เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายอย่างรวมไปถึงการเติบโตของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเร็ว ถ้าหากใครสนใจหลายบริษัทหลักทรัพย์ในไทยมีบริการซื้อขายหุ้นมาเลเซียอยู่ครับ ยังไงลองศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมดูนะครับ
Source: ทีมงาน Traderbobo
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker