Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2565

Table of Contents

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 พ.ค.) หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน แต่ดัชนี Dow Jones ยังคงปรับตัวลงในรายสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2475 ซึ่งเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลบเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดภาวะฟองสบู่ดอทคอมในปี 2544

Dow Jones +0.03%

S&P500 +0.01%

Nasdaq -0.30%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนี Dow Jones ลดลง 2.9%, ดัชนี S&P500 ลดลง 3.0% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.8%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มเฮลท์แคร์ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.26% ขณะที่หุ้นลบนำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งลดลง 1.53%

หุ้นเทสลา ร่วงลง 6.4% หลังนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอ ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า เขาได้ล่วงละเมิดทางเพศพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนตัวในปี 2559

หุ้นขนาดใหญ่อื่น ๆ ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วง 1.3% และหุ้นอินวิเดีย ร่วง 2.5% แต่หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.6% ซึ่งช่วยหนุนดัชนี S&P500

ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่ให้ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงในปีนี้ นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากบริษัทวอลมาร์ทและบริษัทค้าปลีกรายอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้นั้น ได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจด้วย

การคาดการณ์ผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ เช่น วอลมาร์ท และทาร์เก็ต อิงค์ ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขาย และราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้เริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐฯ

ส่วนบรรดาเทรดเดอร์ได้ปรับตัวรับโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน มิ.ย. และ ก.ค.

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนต่อไป เเละตลาดจะยังคงปั่นป่วนจนกว่านักลงทุนจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย, อัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงต่าง ๆ

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันศุกร์ (20 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มปลอดภัยที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของยุโรป หลังธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดในแดนลบในรอบสัปดาห์นี้

Stoxx Europe 600 +0.73%

CAC-40 +0.20%

DAX +0.72%

FTSE 100 +1.19%

ตลาดขานรับธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 5 ปี ลงมากกว่าคาด 0.15% ซึ่งช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลก แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นอีกครั้งก็ตาม

นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน เม.ย. แต่แนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงซบเซา

หุ้นกลุ่มเดินทางและกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มบริการการเงิน, กลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภคนำตลาดยุโรปปรับตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้นราว 1.5-2.0%

Social Share
Facebook
Twitter