Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 17 มิถุนายน 2565

Table of Contents

Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรปปิดร่วง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้เกิดความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของเงินเฟ้อที่มีต่อเศรษฐกิจโลก

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) โดย Doe Jones ดิ่งหลุดจากระดับ 30,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกได้พากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์และอังกฤษ

Dow Jones -2.42%

S&P500 -3.25%

Nasdaq -4.08%

ทอม เฮนลิน นักวิเคราะห์จากบริษัทแอสเซนท์ ไพรเวท เวลธ์ กรุ๊ปกล่าวว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกแห่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนชะลอตัวลง

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 5.58% โดยหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 5.83%, หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 6.01%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.69% และหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 5.36%

หุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 3.72%, หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.7%, หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.75%, หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.97%, หุ้นราล์ฟ ลอเรน ทรุดตัวลง 8.94% และหุ้นไนกี้ ดิ่งลง 5.54%

หุ้นกลุ่มสายการบินและธุรกิจเรือสำราญ ร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 8.21%, หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 7.45%, หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 8.64%, หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 11.08% และหุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส ร่วงลง 11.3%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐฯ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลง 14.4% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 1.549 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -3.3 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 หลังจากแตะระดับ +2.6 ในเดือนพ.ค.

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้เกิดความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของเงินเฟ้อที่มีต่อเศรษฐกิจโลก

Stoxx Europe 600 -2.47%

CAC-40 -2.39%

DAX -3.31%

FTSE 100 -3.14%

ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันอยู่แล้วจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในวันพุธ และตลาดร่วงลงในเวลาต่อมา หลังจากธนาคารกลางสวิส และธนาคารกลางอังกฤษ พร้อมใจกันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติ 6-3 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง 17.3% แล้วในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซา และผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 1.90% ภายในเดือนธ.ค. นี้ เมื่อเทียบกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.40%

หุ้นกลุ่มธนาคารรายใหญ่ในยุโรปร่วงลงตามกัน โดยหุ้นยูบีเอส และหุ้นเครดิต สวิส ร่วง 4.9% และ 6% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง 3.8% หลังบริษัท ASOS ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์ ร่วง 32.5% หลังเตือนว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อกำลังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่าย และหุ้นบูฮู (Boohoo) ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง ร่วงลง 11.3% หลังรายงานรายได้ลดลงในไตรมาสล่าสุด

Social Share
Facebook
Twitter