Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 23 มิถุนายน 2565

Table of Contents

Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดลบ หลัง FED ยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และการลดลงของราคาน้ำมันและโลหะ ส่งผลกระทบต่อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดตลาดลงด้วยเช่นกัน

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กล่าวยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง ซึ่งการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มพลังงานยังเป็นปัจจัยฉุดตลาดเช่นกัน

Dow Jones -0.15%

S&P500 -0.13%

Nasdaq -0.15%

ส่งผลให้หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 4.19% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลง 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.96%, หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 4.35%, หุ้นชลัมเบอร์เจอร์ ร่วงลง 3.35%, หุ้นฟิลลิปส์ 66 ดิ่งลง 5.7% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.35%

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 1.29% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 7.94%, หุ้นนูคอร์ ดิ่งลง 3.94%, หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ลดลง 0.58% และหุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ร่วงลง 2.65%

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัย และสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่น หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ดีดขึ้น 0.54%, หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส บวก 0.98%, หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.28% และหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ พุ่งขึ้น 1.95%

หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 4.68% หลังจากบริษัทเปิดตัววัคซีนป้องกันโควิด-19 รุ่นใหม่ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้น เดือน มิ.ย. จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้น เดือน มิ.ย. จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ยอดขายบ้านใหม่ เดือน พ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน มิ.ย. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบ 1 ปี ในวันพุธ (22 มิ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน และโลหะส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นของอังกฤษ ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

Stoxx Europe 600 -0.70%

CAC-40 -0.81%

DAX -1.11%

FTSE 100 -0.88%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 หลังจากทะยานขึ้น 3 วันติดต่อกัน ขณะที่บรรดานักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง

ดัชนี STOXX 600 ร่วงลง 18.8% แล้วจากระดับปิดสูงเป็นประวัติการณ์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. โดยถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย, สงครามในยูเครน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษพุ่งแตะ 9.1% ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 40 ปี โดยตอกย้ำความรุนแรงของวิกฤติค่าครองชีพในอังกฤษ

หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ร่วงลง 3.7% เนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงมากกว่า 6 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ผลักดันการปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 4.1% เนื่องจากราคาโลหะถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ส่วนหุ้นเทเลคอม และหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งถือเป็นหุ้นกลุ่มปลอดภัย ปรับตัวลงน้อยที่สุด

หุ้นบีเอเอสเอฟ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ของเยอรมนี ร่วง 5.2% หลังซีอีโอเปิดเผยว่า บริษัทมีแนวโน้มเผชิญกับการชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

หุ้นบริษัทเหล็กของยุโรปร่วงลงตามกัน อาทิ อาร์เซลอร์มิตตัล, โวเอสทัลไพน์ และซัลซ์กิทเทอร์ ร่วง 8.3-13.5% หลังเจพีมอร์แกนปรับลดคำแนะนำลงทุนหุ้นดังกล่าว โดยระบุว่า ราคาเหล็กยังไม่แตะระดับต่ำสุด

Social Share
Facebook
Twitter