Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 20 กันยายน 2565

Table of Contents

Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันจันทร์ (19 ก.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยการซื้อขายของทั้งสองตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม FED ในคืนวันพรุ่งนี้

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันจันทร์ (19 ก.ย.) โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจะเริ่มในวันนี้ และจะสามารถทราบผลในคืนวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย

Dow Jones +0.64%

S&P500 +0.69%

Nasdaq +0.76%

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%

โดยหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมครั้งนี้ จะสร้างความตื่นตระหนกในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และชี้ว่า เฟดมีปฏิกิริยามากเกินไปต่อข้อมูลเศรษฐกิจ

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุ ทั้งนี้ หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 3.92%, หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ดีดขึ้น 1.74% และหุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ พุ่งขึ้น 2.24%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวขึ้น หลังจากถูกเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.51%, หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ปรับตัวขึ้น 1.18% และหุ้นอัลฟาเฟท บวก 0.26%

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 0.89%, หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.48% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.75%

สวนทางกับหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลง นำโดยหุ้นโมเดอร์นา ดิ่งลง 7.14%, หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ลดลง 1.15% และหุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1.28% หลังจากโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “60 Minutes” ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สิ้นสุดลงแล้ว

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ (19 ก.ย.) โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างชะลอตัว เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในคืนวันพรุ่งนี้

CAC-40 -0.26%

Stoxx Europe 600 -0.09%

DAX +0.49%

FTSE 100 ปิดทำการเมื่อวานนี้ เนื่องจากพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แต่ตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่าง ๆ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายได้รับผลกระทบจากข่าวความล้มเหลวของแผนควบรวมกิจการระหว่างบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านทีวี 2 แห่ง ได้แก่ TFI และ M6 ซึ่งอาจนำไปสู่การจัดตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะท้าทายบริการด้านสตรีมมิ่งของสหรัฐฯ เช่น เน็ตฟลิกซ์

หุ้น TF1 ร่วง 2.3% และหุ้น M6 ร่วง 3.4% หลังจากข้อกำหนดด้านการป้องกันการผูกขาดตลาดส่งผลกระทบต่อข้อตกลงดังกล่าว

สวนทางกับหุ้นโฟล์คสวาเกน บวก 1.1% หลังจากคาดว่า มูลค่าหุ้นปอร์เช่ในการทำ IPO ในตลาดหุ้นเยอรมนีจะสูงถึง 7.5 หมื่นล้านยูโร (7.51 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งจะเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของเยอรมนี โดยหุ้นปอร์เช่ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 3.5% เช่นกัน

Social Share
Facebook
Twitter