
Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันอังคาร (11 ต.ค.) สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Dow Jones ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลบ เนื่องจากการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน จากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ในส่วนของตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ ทำให้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนหดตัวลง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (11 ต.ค.) ดัชนี Dow Jones ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลบ จากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณยุติการพยุงตลาดพันธบัตร
Dow Jones +0.12%
S&P500 -0.65%
Nasdaq -1.10%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงทันทีหลังจาก BoE ส่งสัญญาณว่าจะยุติการพยุงตลาดพันธบัตรภายใน 3 วันนี้ แม้ว่ามีการเรียกร้องให้ขยายเวลาโครงการรับซื้อพันธบัตรออกไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค. ก็ตาม
ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงแรงที่สุด เนื่องจากมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.28%, หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.68% และหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดิ่งลง 3.92% แต่หุ้นแอมเจน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 5.72% และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันอังคาร (11 ต.ค.) เป็นผลกระทบมาจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ ทำให้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนหดตัวลง และนักลงทุนชะลอการซื้อขาย เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
CAC-40 -0.13%
Stoxx Europe 600 -0.56%
DAX -0.43%
FTSE 100 -1.06%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 และการแพร่ระบาดโควิด-19 ในจีน
หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยกลุ่มการเงินและเทคโนโลยีถ่วงตลาดลงมากที่สุด ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น 0.6% สวนทางตลาด