
Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันศุกร์ (14 ต.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง จากการที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษยกเลิกแผนการปรับลดภาษี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันศุกร์ (14 ต.ค.) จากการที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อไป
Dow Jones -1.34%
S&P500 -2.37%
Nasdaq -3.08%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มพลังงาน ร่วงลง 3.88% และ 3.71% ตามลำดับ
หุ้นโครเกอร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ต ร่วง 7.32% หลังเปิดเผยว่า จะซื้อกิจการของบริษัทอัลเบิร์ตสัน คอมพานี ซึ่งเป็นคู่แข่งเป็นวงเงิน 2.46 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเทสลา ร่วงลง 7.55% หลังสื่อรายงานว่า เทสลาได้ระงับแผนการที่จะเริ่มการผลิตเซลล์แบตเตอรีที่โรงงานนอกกรุงเบอร์ลิน เนื่องจากเกิดปัญหาทางด้านเทคนิค
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส, หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปิดบวก 1.73%, 0.65% และ 2.06% ตามลำดับ
หุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ บวก 0.63% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรทั้งปี
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันศุกร์ (14 ต.ค.) หลังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษยกเลิกแผนการปรับลดภาษี
CAC-40 +0.90%
Stoxx Europe 600 +0.56%
DAX +0.67%
FTSE 100 +0.12%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ไม่มีความจำเป็นต้องทำการโจมตียูเครนครั้งใหม่
ส่งผลให้หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค