
Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันจันทร์ (24 ต.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก เนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในเดือน ต.ค. บ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของ FED เริ่มเห็นผล ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ในวันจันทร์ (24 ต.ค.) เป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในเดือน ต.ค. บ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของ FED เริ่มเห็นผล
Dow Jones +1.34%
S&P500 +1.19%
Nasdaq +0.86%
เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 49.5 ในเดือน ก.ย. ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง และสิ่งที่เฟดกำลังทำนั้นเริ่มได้ผล
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นอิไล ลิลลี่ พุ่งขึ้น 2.09%, หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ทะยานขึ้น 3.41%, หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ บวก 1.44% และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพิ่มขึ้น 1.40%
หุ้นเทสลา ร่วงลง 1.49% หลังจากบริษัทประกาศลดราคารถยนต์เทสลารุ่น Model 3 และ Model Y ที่จำหน่ายในประเทศจีนลง 9% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า อุปสงค์ในจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นเริ่มชะลอตัวลง
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันจันทร์ (24 ต.ค.) โดยได้รับแรงหหนุนจากการที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจขงสหรัฐฯ ชะลอตัวลง บ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของเฟดเริ่มได้ผล ขณะที่นัลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ (27 ต.ค.)
CAC-40 +1.40%
Stoxx Europe 600 +1.59%
DAX +1.58%
FTSE 100 +0.64%
โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มสื่อ รวมถึงกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายริชิ ซูนัก จะได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่า นายชูนักจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา และเงินเฟ้อที่พุ่งสูง