สำหรับวันนี้ เราจะมาคุยกันในเรื่อง “การลงทุนหุ้น IPO” นับเป็นโอกาสดีเลยที่เราจะได้ศึกษาการลงทุนหลาย ๆ รูปแบบ เพราะจากที่ผ่านมา หากใครติดตามผมอยู่ก่อนแล้ว น่าจะมองออกว่า บทความที่ผมเขียนส่วนใหญ่จะออกไปทาง Cryptocurrency เป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้ว ผมตั้งใจจะนำเสนอเนื้อหาที่มีความหลากหลาย เพื่อให้ทุกท่านได้รับความรู้เรื่องการลงทุนที่ทันโลกอยู่ตลอดเวลาครับ
บทความนี้ เราจึงจะมาคุยกันในเรื่องของการลงทนหุ้นบ้างกับหัวข้อ “การลงทุนหุ้น IPO” นั่นเองครับ ซึ่งเป็นหัวข้อที่มีความน่าสนใจมาก ๆ ครับ หากเรามองเห็น Passion ของผู้บริหารบริษัทใหญ่ ๆ เราก็จะเข้าใจดีว่า เจ้าของธุรกิจหลายคนต่างมีการตั้งเป้าหมายไว้ว่า สักวันหนึ่ง พวกเขาจะพาธุรกิจของตัวเองไปจดทะเบียนนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขยายไปสู่การเสนอขายหุ้น IPO ให้กับประชาชนทั่วไป เห็นไหมล่ะครับ สิ่งที่คุณกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ
ส่วนในมุมของประชาชนทั่วไป แน่นอนอยู่แล้วว่า ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอนการลงทุน เราต้องมาทำความเข้าใจถึงนิยามการลงทุนหุ้น IPO กันก่อน ถ้าคุณพร้อมแล้วก็ไปทำความรู้จักกับการลงทุนหุ้น IPO พร้อม ๆ กันได้เลยครับ
การลงทุนหุ้น IPO คืออะไร?
อันดับแรกเลย เราต้องมาเริ่มทำความรู้จักการลงทุนในหุ้น IPO กันก่อน โดยปกติแล้ว ในการทำธุรกิจสักอย่าง ถ้าเราอยากจะขยับขยายธุรกิจของเราให้เติบโตขึ้น เราก็จะต้องใช้ทุนที่ตัวเองมีอยู่ หรือไม่ก็ต้องไปหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม อย่างเช่น การกู้ยืมธนาคาร ถูกต้องไหมครับ?
แต่คำว่า IPO หรือ Initial Public Offering นั้น จะเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยผู้ประกอบการในการแก้ไขปัญหาการกู้ยืมเงินจากธนาคารโดยตรงได้ ซึ่งนิยามของ IPO นั้น ผมสามารถอธิบายให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ เลยก็คือ “การที่บริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก” ซึ่งเป็นการออกมาประกาศให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO นะ เพื่อที่บริษัทจะสามารถรวบรวมเงินทุนจากสาธารณะ และนำเงินส่วนนี้ไปขยายกิจการต่อไป ส่วนเงินที่ประชาชนต้องใช้ในการลงทุนหุ้น IPO นั้น จะใช้จำนวนที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับนโยบาย และการกระจายหุ้นที่แต่ละบริษัทได้กำหนดไว้ครับ
การที่บริษัทประกาศขายหุ้น IPO เป็นการทำให้บริษัทเอกชนทั่วไป (Private Company) เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นบริษัทมหาชน (Public Company) ครับ และการขายหุ้น IPO นี้ จะทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปถือครองหุ้นของบริษัทนั้นได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วย อย่างไรก็ดี การจะเป็นผู้ถือหุ้นได้ คุณจะต้องเป็นผู้ซื้อในตลาดแรก (Primary Market) เนื่องจากการซื้อขายในตลาดรอง (Secondary Market) บนกระดานเทรด จะถือเป็นการเปลี่ยนมือผู้เล่นเท่านั้นครับ
ทั้งนี้ การจองซื้อหุ้น IPO ในตลาดแรก จะมีการกำหนดขั้นต่ำในการซื้อ รวมถึงมีนโยบายการจองซื้อที่แตกต่างกันแล้วแต่บริษัท บางที่อาจจะให้นักลงทุนรายใหญ่จองซื้อได้ก่อนประชาชนทั่วไป ขณะที่บางที่ก็ให้ผู้เล่นรายย่อยสามารถจองซื้อได้ก่อน ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดการจองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทนั้น ๆ ให้ดีครับ
ขั้นตอนการเสนอขายหุ้น IPO ของแต่ละบริษัท ต้องดำเนินการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย (Underwriter) เนื่องจากถือเป็นการเสนอขายหุ้นที่ได้รับการดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และการที่บริษัทหนึ่งจะสามารถเข้ามาเสนอขายหุ้นให้ประชาชนได้นั้น จำเป็นจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ และผ่านกฎเกณฑ์เงื่อนไขของ ก.ล.ต. ก่อน เรียกได้ว่า เป็นการซื้อหุ้นใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือได้เกือบ 100% เลยทีเดียวครับ เพียงแค่คุณต้องพิจารณาบริษัทที่ต้องการลงทุนด้วยให้ดี!
สำหรับรายชื่อบริษัทที่อยู่ระหว่างรอจดทะเบียน (Upcoming IPO) สามารถติดตามรายละเอียดของบริษัทเหล่านั้น ได้ทางเว็บไซต์ Settrade เพื่ออ่านหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุนครับ
เราไปลงทุนหุ้น IPO แล้วใครจะได้ประโยชน์?
มาต่อกันที่เรื่องของผลประโยชน์กันดีกว่าครับ ผมคิดว่า คำตอบที่คุณคิดไว้ก็น่าจะเป็น “เราอยู่แล้วสิ ที่เป็นคนได้ประโยชน์ ก็เราเป็นคนซื้อหุ้น IPO” ตอบแบบนี้ก็ไม่นับว่าผิดครับ แต่ทุกการลงทุนมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงอยู่แล้ว ส่วนอีกฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือ บริษัทที่เสนอขายหุ้น IPO ให้เรานั่นเองครับ โดยผมขอแบ่งผลประโยชน์ออกเป็น 2 ส่วน แล้วกันนะครับ เพื่อให้คุณเข้าใจง่ายขึ้น
1) ผลประโยชน์ของ “นักลงทุน” ที่ลงทุนหุ้น IPO
ข้อดีของการเข้าไปลงทุนหุ้น IPO นั้น เรียกได้ว่า เป็นการเปิดโอกาสที่ดีให้กับประชาชนภายนอกเป็นอย่างมาก เพราะเราสามารถเข้าไปเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่เขาต้องการเติบโตได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และหากเราสามารถเลือกบริษัทที่มีศักยภาพในการขยายกิจการได้ตั้งแต่ตอนแรก แล้วบริษัทสามารถสร้างกำไรเข้ากระเป๋าได้มหาศาล เราก็ยิ่งจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
และการที่บริษัทเพิ่งทำการเสนอขายหุ้น IPO นั้น ก็หมายความว่า บริษัทนั้นยังมีขนาดเล็กอยู่ ทำให้นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนหุ้น IPO สามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัทได้ บวกกับการเสนอขายหุ้น IPO จะต้องอยู่บนฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือ ทำให้เราได้มั่นใจมากขึ้นไปอีกครับ
นี่ก็เป็นผลประโยชน์คร่าว ๆ ที่ประชาชนทั่วไปจะได้รับ เมื่อก้าวเข้าไปลงทุนหุ้น IPO ถือว่า มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะครับ
2) ผลประโยชน์ของ “บริษัท” ที่เสนอขายหุ้น IPO
มาถึงผลประโยชน์ของบริษัทกันแล้วนะครับ ตามหลักการเสนอขายหุ้น IPO คือ “การระดมทุนจากประชาชนทั่วไป” เพื่อนำเงินส่วนนี้มาพัฒนาในการขยายกิจการให้เติบโตขึ้น ตามรูปแบบที่ผู้บริหารบริษัทนั้น ๆ ได้วางแผนไว้ครับ ถือเป็นความประสงค์ของผู้บริหารที่เขาจะมีเงินทุนเพื่อใช้ขยายกิจการ โดยไม่ใช่เงินทุนจากการ “กู้ยืมธนาคาร” เลยก็ว่าได้
ผมขอยกตัวอย่างเพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพมากขึ้นนะครับ สมมติว่า บริษัทพี่โบ้ ซึ่งเป็นบริษัทด้านสื่อเทคโนโลยี ได้ผ่านเกณฑ์การเสนอขายหุ้น IPO จาก ก.ล.ต. หลังจากที่ได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ว่า จะมีการเสนอขายหุ้น IPO ทำให้มีนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาลงทุนหุ้น IPO ของบริษัทพี่โบ้ พี่โบ้จึงนำเงินทุนส่วนนี้มาเสริมสภาพคล่องภายในองค์กร และนำเงินไปพัฒนาสื่อให้เป็นสากลมากขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับส่วนแบ่งกันไปมหาศาล จากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัท
เอาล่ะ ทุกท่านคงจะเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมครับว่า การที่บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO แต่ละครั้งนั้น ทำให้มีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อยู่ด้วยกัน 2 ส่วนหลัก ๆ ตามที่ผมได้พูดไป ฟังดูแล้ว การลงทุนหุ้น IPO ช่างน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ แต่ผมขอกระซิบเพื่อเป็นการเตือนทุกคนก่อนว่า
เคล็ด (ไม่) ลับ การเลือกลงทุนหุ้น IPO ที่มีศักยภาพ ต้องดูอะไรบ้าง?
พอเราอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกท่านคงจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้วว่า การลงทุนหุ้น IPO คืออะไร? ใครได้ผลประโยชน์จากการลงทุนหุ้น IPO และหัวข้อสุดท้ายที่ผมจะขอแชร์ คือ “วิธีเลือกลงทุนหุ้น IPO ที่มีศักยภาพ” เพื่อเป็นการแบ่งปันเทคนิคในการสังเกตหุ้น IPO ก่อนตัดสินใจลงทุน ให้กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ โดยผมจะแบ่งออกเป็น 3 ข้อย่อย เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ครับ
1. เป้าหมายการระดมทุนของบริษัท
ขั้นแรกเลย ทุกท่านต้องหาข้อมูลให้ได้ว่า การระดมทุนของบริษัทนั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไร? เพื่อให้เราสามารถประเมินความเสี่ยง และมองหาโอกาสเติบโตของกิจการที่เราจะไปลงทุนด้วย ขอยกตัวอย่างเป็นบริษัทพี่โบ้เหมือนเดิมนะครับ หากคุณอยากจะมาลงทุนกับบริษัทพี่โบ้ คุณต้องรู้ว่า บริษัทพี่โบ้นำเงินไปขยายกิจการไหม หรือจริง ๆ แล้ว บริษัทพี่โบ้นำเงินทุนไปหมุนเวียนในกิจการ หรืออาจจะนำเงินจากการเสนอขายหุ้นไปชำระหนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นข้อแรกที่คุณต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนที่จะลงทุนหุ้น IPO ครับ
2. ลักษณะของกิจการที่เสนอขายหุ้น IPO
ประเด็นต่อมา การที่คุณจะเข้าไปลงทุนในหุ้น IPO แต่ละครั้ง คุณต้องเข้าใจถึงลักษณะของกิจการนั้น ๆ ว่า บริษัทนี้เป็นบริษัทประเภทใด และอยู่ในอุตสาหกรรมไหน เพื่อที่คุณจะสามารถวิเคราะห์การเติบโตของกิจการได้ว่า เทรนด์ของบริษัทนั้นจะดำเนินไปได้ไกลแค่ไหนในอนาคต ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามเรื่องเทรนด์ต่าง ๆ เรื่องเทคโนโลยี หรือรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคน Low Tech ก็สามารถติดตามพี่โบ้ได้ครับ เพื่ออัพสกิลด้านเทคโนโลยี ด้านการลงทุนให้ทันโลกอยู่เสมอ แล้วคุณจะมองเห็นเทรนด์ธุรกิจในอนาคตได้อย่างแน่นอน (ไม่ได้ขายของนะ)
3. ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
ขั้นตอนสุดท้ายที่เราต้องพิจารณาก่อนที่จะเข้าลงทุนหุ้น IPO คือ การดูกำลังความสามารถของบริษัทนั้น เพื่อให้เรามองภาพออกว่า บริษัทที่เรามองไว้นั้น จะสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่น ๆ ได้หรือไม่ และจะแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณสามารถวิเคราะห์โดยการใช้หลักการ 5 Force Model เข้ามาช่วย วิธีนี้จะทำให้คุณมองภาพรวมกำลังการแข่งขันของบริษัทนั้นได้
รวมไปถึงการดูมูลค่าบริษัทในส่วนแบ่งการตลาดว่าเป็นอย่างไร ดูข้อมูลด้านนโยบายของบริษัท และถ้าจะให้ดี เราต้องดูถึงงบประมาณของบริษัทด้วย เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์งบกำไรขาดทุนได้อย่างละเอียด ต้องยอมรับว่า ข้อสุดท้ายที่ต้องพิจารณา อาจจะดูยุ่งยากสำหรับนักลงทุนมือใหม่ แต่ถ้าคุณศึกษาการวิเคราะห์หุ้นได้แล้ว กำไรที่ตามมามันคุ้มค่าแน่นอนครับ
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้น IPO บนกระดานเทรดวันแรก ผู้เล่นควรมีความระมัดระวังในการซื้อขายให้มาก เนื่องจากราคาในวันแรกมักจะมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจจะมีราคาสูงกว่าราคาจอง หรือต่ำกว่าราคาจองก็ได้! นั่นหมายความว่า มีทั้งคนที่ได้กำไรและคนที่ขาดทุน เพราะเป็นวันที่นักลงทุนจำนวนมากล้วนเข้ามาเก็งกำไร ดังนั้น คุณจึงควรมีความมั่นใจในหุ้นตัวที่เลือกจริง ๆ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: Traderbobo.com
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker