Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีน เตรียมผงาดอีกครั้ง!

Table of Contents
Tencent

Tencent เตรียมปล่อยเกมใหม่ หวังพยุงราคาหุ้น หลังจีนผ่อนคลายอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

Tencent บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนที่ในอดีตหลายคนมักจะเอามาเปรียบเทียบกับ Alibaba แต่ตอนนี้ Tencent ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ในจีนไปแล้ว และอาจจะกลายเป็นผู้ครอบครองโลกในอนาคต ซึ่งนอกจากการเป็นเจ้าของ WeChat แอปฯ แชทอันดับ 1 ของจีนและธุรกิจเกม ทางบริษัทยังมีอีกบทบาทหนึ่งในฐานะเจ้าแห่งการลงทุนที่ถือครองธุรกิจหลากหลายประเภททั่วโลก

tencent

ทำความรู้จัก Tencent เจ้าแห่งโลกอนาคต

คนส่วนใหญ่จะรู้จัก Tencent ในฐานะเจ้าของ WeChat และเกม ROV ที่ได้รับความนิยมมากในไทย แต่แท้จริงแล้วทางบริษัทได้มีการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Tesla, Shopee, Spotify, Gojek, Snapchat, PUBG และอีกกว่า 700 บริษัททั่วโลก โดยมีมูลค่าธุรกิจรวมกันกว่า 21 ล้านล้านบาท และสามารถทำรายได้ต่อปีกว่าล้านล้านบาท ในส่วนของกำไรจะถูกนำไปต่อยอดกับธุรกิจหลักของทางบริษัท และลงทุนกับธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ในอนาคตของบริษัทอื่น ๆ ซึ่งบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ คือ โพนี่ หม่า ผู้ก่อตั้งคนสำคัญของ Tencent

โดย Tencent ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1998 ซึ่งธุรกิจแรกของบริษัท คือ แอปฯ แชทที่มีชื่อว่า QQ จากนั้นก็พัฒนามาเป็น WeChat แล้วเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจเกมแบบเต็มตัว แต่ WeChat และ QQ รวมกับ Social Media อื่น ๆ ทำรายได้ให้กับ Tencent เพียงแค่ 24% เท่านั้น เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเกมออนไลน์ และเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเอเชีย คือ ROV ที่ได้กล่าวถึงไปข้างต้น ส่วนเกมที่ได้รับความนิยมมากในแถบอเมริกาและยุโรป นั่นก็คือ League of Legends หรือ LOL นั่นเอง นอกจากนั้น Tencent ยังถือหุ้นในบริษัทเกมอีกหลายแห่งอย่าง Blizzard เจ้าของเกมดัง World of Warcraft และบริษัท Garena ผู้จัดจำหน่ายเกมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

ในบทบาทของเจ้าแห่งการลงทุน ส่วนใหญ่แล้ว Tencent จะลงทุนในธุรกิจที่ทางบริษัทมองเห็นว่าจะมีโอกาสเติบโตมากในอนาคต และที่สำคัญจะลงทุนตั้งแต่บริษัทเหล่านี้ยังเป็นแค่ Startup เช่น

  • Meituan Dianping แพลตฟอร์มส่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดในจีน
  • Pindoudou และ JD.COM ซึ่งเป็น E-commerce ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 และ 3 ในจีน
  • DIDI Chuxing แพลตฟอร์มเรียกรถที่ใหญ่ที่สุดในจีน
  • Gojek แพลตฟอร์มส่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย และกำลังตีตลาดในไทย

อีกทั้งยังมีการเข้าไปถือหุ้น เพื่อสร้างเครือข่ายระหว่างกันในบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น

  • Tesla
  • Spotify
  • JOOX
  • Sanook.com

การลงทุนของ Tencent เรียกได้ว่า แทบจะครอบคลุมทุกสายธุรกิจเลยก็ว่าได้ และนี่เป็นจุดเด่นหลักของบริษัท ซึ่งการที่บริษัทมีข้อมูลของผู้ใช้งานในธุรกิจต่าง ๆ มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้สามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจของตนเองได้มากเท่านั้น

แนวโน้มการเติบของ Tencent ในอนาคต

สืบเนื่องมาจากรัฐบาลจีนได้มีการระงับเกมออนไลน์ชั่วคราว ในปลายปี 2021 ที่ผ่านมา เนื่องจากจีนได้เล็งเห็นถึงผลเสียทางลบของเยาวชนที่ติดเกม ทำให้หุ้นของบริษัทเกมจีนร่วงลงอย่างหนัก ซึ่ง Tencent ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉลี่ยแล้วหุ้นของ Tencent ร่วงลงกว่า 60% นับจากจุดสูงสุดเมื่อเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้นมา

สำหรับในปีนี้ทางรัฐบาลจีนได้ลดความเข้มงวดลงระดับหนึ่ง ทำให้ Tencent ได้รับอนุมัติออกเกมใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 มีชื่อว่า “Defense of Health” แต่ยังคงต้องอยู่ในกฎระเบียนที่จีนได้วางไว้ เพื่อพิจารณาว่า เกมมีคุณสมบัติด้านเนื้อหาตรงตามเกณฑ์ และการคุ้มครองเด็กหรือไม่ จึงยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรายังคงได้ยินข่าวที่เป็นปัจจัยลบต่อตัวของราคาหุ้นอยู่ไปอีกสักระยะ ซึ่งมีแนวโน้มลดลงค่อนข้างมากแล้ว เมื่อข่าวในด้านลบค่อย ๆ เงียบไป ตลาดมักจะมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใกล้จบแล้ว อาจทำให้มีแรงซื้อที่มากขึ้น อีกทั้ง นักลงทุนบางกลุ่มยังมองว่า โอกาสที่หุ้นกำลังลงนี่แหละ คือ โอกาสสำคัญที่จะได้ของถูกและดี โดย Tencent ได้ทำการลงทุนในธุรกิจหลากหลายประเภท รวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ และในตอนนี้จีนก็กำลังจะกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ตีขึ้นมาเสมอกับทางสหรัฐฯ ดังนั้น การฟื้นคืนของ Tencent คงไม่ใช่เรื่องยาก

tencent

หากดูจากข้อมูลเชิงลึก ในช่วงเกิดโควิด-19 ราคาหุ้นขึ้นจากก่อนเกิดการระบาดเท่าตัว แต่หลังจากนั้น มาตรการคุมเข้มจากจีนด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมถึงเกมออนไลน์ได้ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมากว่า 60% ในช่วงแรก เนื่องจากเป็นมาตรการที่กระทบธุรกิจของทางบริษัทโดยตรง แต่ถือว่าลดลงในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับหุ้นจีนตัวอื่น ๆ แต่เมื่อตลาดเริ่มปรับตัวได้ ราคาหุ้นก็ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่อีกเลย และอยู่ในรูปแบบ Sideway มาเป็นระยะเวลา 6 เดือน ที่สำคัญในเชิงเทคนิค ในช่วงที่ราคาหุ้นตกลงมาต่ำที่สุดก็ไม่ได้หลุดแนวรับของ TF 5-7 ปี ดังนั้น ในกรอบระยะยาว Tencent ถือว่ายังอยู่ในขาขึ้น


อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการวิเคราะห์ข้างต้นเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองว่า Tencent และหุ้นเทคโนโลยีจีนอาจยังอยู่ในความเสี่ยง ถึงแม้จีนจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากแล้ว ดังนั้น จึงควรลงทุนอย่างระมัดระวัง และควรศึกษาเพิ่มเติมก่อนคิดจะลงทุน


Source: ทีมงาน Traderbobo
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: าระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker

Social Share
Facebook
Twitter