โดยส่วนใหญ่แล้วการทำกำไรในตลาดลงทุน เป็นการซื้อสินทรัพย์ในราคาถูก และถือไว้รอราคาขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ จากนั้นทำการขายเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา แต่ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง หรือกำลังตกอยู่ในสภาวะตลาดหมี จะดีกว่าไหม? หากเราสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น และขาลง โดยเรียกกันติดปากว่า Futures Trading หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract) นั่นเอง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract)
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นสัญญาระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย โดยเป็นการกำหนดราคาในวันนี้ แต่จะส่งมอบของในอนาคต ซึ่งจะมีกำหนดวันเวลาที่ชัดเจน และต้องมีการซื้อขายตามสัญญาเช่นเดิม ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลง ที่สำคัญสัญญาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้ไม่ว่ากรณีใด โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะไม่มีมูลค่าในตัวเอง แต่จะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ หรือตัวแปรที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นอ้างอิงอยู่ เรียกว่า Underlying Asset
ส่วนใหญ่แล้วสินค้าที่จะตกลงซื้อขายกันในตลาดต่างประเทศ จะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ, น้ำมันดิบ, ข้าว และยาง ตลอดจนหลักรัพย์ เช่น หุ้น, CFD (ดัชนีราคาหุ้น) และพันธบัตรรัฐบาล
การสร้างสถานะสัญญา Futures
สามารถทำได้ทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ว่าจะขายก่อนหรือซื้อก่อนก็ได้ โดยฝั่งผู้ซื้อสัญญา เรียกว่า มีสถานะซื้อ หรือ Long Position ส่วนฝั่งผู้ขาย เรียกว่า มีสถานะขาย หรือ Short Position โดยการซื้อขายก็จะมีโบรกเกอร์เป็นตัวกลาง
ประโยชน์ของ ‘Futures’
1. สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น และขาลง ยกตัวอย่างเช่น หากคาดว่า ราคาสินทรัพย์จะขึ้นในอนาคต ให้ทำการเปิด Long Position (ซื้อ) ในทางตรงกันข้าม หากคาดว่า ราคาสินทรัพย์จะลงในอนาคต ให้เปิด Short Position (ขาย)
2. ในการเทรดฟิวเจอร์ส จะใช้เงินลงทุนต่ำกว่าการเทรดทั่วไป เนื่องจากสามารถใช้ Leverage เพื่อเพิ่มกำลังการเทรด แต่ยิ่ง Leverage สูงเท่าไร ความเสี่ยงก็มากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ต้องการซื้อทองคำ 5 บาท ราคาบาทละ 10,000 บาท แสดงว่า ต้องมีเงินทั้งหมด 50,000 บาท แต่หากเราเลือก Leverage 1:100 เราจะใช้เงินแค่ 500 บาท ในการซื้อทองคำมูลค่า 50,000 บาท
ในกรณีที่ราคาทองขึ้นเป็น 11,000 บาท เราจะได้กำไรคิดเป็น 10% ดังนั้น เงินทุน 500 บาท เราจะได้กำไร 50 บาท รวมมีเงินทั้งหมด 550 บาท
ในกรณีที่ราคาทองลดเป็น 9,000 บาท เราจะขาดทุนคิดเป็น 10% ดังนั้น เงินทุน 500 บาท เราจะขาดทุน 50 บาท รวมแล้วจะมีเงินทั้งหมด 450 บาท
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
การซื้อขายแบบฟิวเจอร์ส ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถล็อคราคาได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ตัวอย่างเช่น บริษัทขนส่งสามารถใช้ฟิวเจอร์สเพื่อล็อคราคาที่รับประกันสำหรับน้ำมันเบนซิน ซึ่งช่วยให้บริษัทขนส่งสามารถจัดทำงบประมาณในอนาคตได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น หากต้องพึ่งพาราคาน้ำมันในตลาด
อีกทั้ง ในทางของเกษตรกร การใช้ Futures จะช่วยล็อกราคาขายสำหรับปศุสัตว์หรือพืชผล เพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนว่า จะโอนการครอบครองสินค้าภายใต้สัญญาอย่างไร เช่นเดียวกับบริษัทขนส่งที่ซื้อก๊าซล่วงหน้า เกษตรกรที่จำหน่ายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าสามารถวางแผนรายได้ และค่าใช้จ่ายในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริโภค และตัวแปรอื่น ๆ
Source: Setinvestnow และ Thebalance
อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้
วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page
