Hedge ในตลาด Forex คืออะไร ?

Table of Contents
hedge ในตลาด Forex คืออะไร?

เพื่อน ๆ อาจจะพอทราบกันนะครับว่า ในการเทรด Forex นั้น ก็มีหลายกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ และนอกจากนั้น ก็มีกลยุทธ์ที่ป้องกันการขาดทุน หรือประกันความเสี่ยงในการลงทุนนั่นเอง ซึ่งการทำ Hedge หรือ Hedging ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่พี่โบ้อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันครับ ว่าแต่มันคืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ? ตามไปดูกันเลยครับ

Hedge คืออะไร ?

Hedge คือ วิธีการในการประกันความเสี่ยงของการลงทุน ด้วยวิธีการเปิดรายการซื้อ (buy) และขาย (sell) เงินสกุลเงินเดียวกันในเวลาคาบเกี่ยวกัน เช่น ถ้าเพื่อน ๆ ทำการเทรด EUR/USD โดยเปิดทั้งออเดอร์ Buy และ Sell ไว้อย่างละ 1 ออเดอร์ ออเดอร์ละ 1 lot โดย เปิด buy เวลา 9:00 น. เปิด sell เวลา 11:00 น. ปิด sell เวลา 13:00 น. ปิด buy เวลา 14:00 น. จะทำให้ ไม่ว่าราคาจะวิ่งไปในทิศทางใด เพื่อน ๆ ก็จะไม่ได้ไม่เสียครับ โดยทั่วไป จะใช้เมื่อต้องการประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด หรือรู้ตัวว่า เราเทรดผิดทางครับ

ประโยชน์จากการทำ Hedging

1. สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้

ประโยชน์ในข้อนี้จะเกิดขึ้นเมื่อราคามีการปรับตัวในราคาที่วิ่งไปตามแนวโน้ม เพื่อน ๆ จะได้กำไรทั้งจากการ Buy และ Sell ซึ่งในการใช้เพื่อน ๆ ควรศึกษา และทำความเข้าใจว่าจุดกลับตัว หรือจุด Retracement นั้น อยู่ตรงไหน เพื่อที่จะเข้าออเดอร์ได้อย่างแม่นยำครับ

2. ช่วยป้องกันความผันผวนของตลาด

ความผันผวนของตลาดนั้น เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นข่าว การใช้กลยุทธ์นี้ จะช่วยลดความผันผวนได้ดีเลยทีเดียวครับ ยกตัวอย่างเช่น เพื่อน ๆ Buy EUR/USD ตั้งแต่ 1.4000 และราคาในปัจจุบันคือ 1.4300 แต่ตอนนี้กำลังจะมีข่าวสำคัญเกี่ยวกับเงิน USD มีแนวโน้มว่าจะทำให้มูลค่าของค่าเงินลดลงจนถึงจุด Stop Loss ได้ เพื่อน ๆ จึงทำการ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยง การทำแบบนี้จะสามารถนำ Stop Loss ออกได้ชั่วคราวในช่วงที่มีความผันผวนมากจากข่าว ทำให้เพื่อน ๆ สามารถถือออเดอร์ไว้เพื่อรอดูแนวโน้มจากข่าว ถ้าข่าวที่ออกมาส่งผลดีกับออเดอร์แรก (Buy) ก็สามารถปิดออเดอร์ Hedge (Sell) ได้เพื่อให้ ออเดอร์ Buy วิ่งทำกำไรต่อไปในแนวโน้มขาขึ้นครับ ดีมากเลยใช่ไหมล่ะครับ

3. ช่วยแก้ไขสถานการณ์หากเทรดผิดทาง

หากเพื่อน ๆ ซื้อ Buy ไว้เพื่อรอให้ราคาขึ้น แต่ราคามันกลับตกลงมาต่ำกว่าที่เรา Buy ไว้ เพื่อน ๆ สามารถทำ Hedging โดยการเปิดขาย Sell เพื่อจำกัดการขาดทุน แล้วรอกราฟวิ่งกลับมาราคาเดิมภายหลังครับ




ข้อเสียของการทำ Hedging

ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

เนื่องจากการทำ Hedging จะต้องเปิดออเดอร์จำนวนหลายครั้ง จึงทำให้ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้น แต่หากเพื่อน ๆ เลือกโบรกเกอร์ที่ดี ค่าคอมมิชชั่น และค่าสเปรดต่ำ ก็จะสามารถประหยัดงบประมาณตรงนี้ได้มากขึ้นครับ ส่วนตัวของพี่โบ้เอง พี่โบ้ยอมเสียเงินค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้น ดีกว่าเสียเงินทั้งพอร์ตครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ กลยุทธ์นี้ที่พี่โบ้มาแนะนำให้เพื่อน ๆ โดนใจกันมากเลยใช่ไหมล่ะครับ ? หากใครนำไปใช้แล้ว อย่าลืมมาบอกพี่โบ้บ้างนะครับ พี่โบ้มองว่า เป็นกลยุทธ์ที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีทีเดียว แต่เขาก็มีข้อเสียตรงที่อาจจะต้องเสียค่าคอมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคลนะครับ


Source: ทีมงาน Traderbobo

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่สาระน่ารู้

อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่Review Broker

Social Share
Facebook
Twitter