ในยุคดิจิทัลที่เราต้องตามโลกให้ทันแบบนี้ หากพูดถึงการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “คริปโต” ซึ่งหลาย ๆ คนอาจเคยได้ยิน และรู้จักกันดีอยู่แล้ว โดย คริปโต หรือสกุลเงินดิจิทัล ถูกขนานนามว่าเป็นเงินแห่งอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันเรายังใช้เงินเป็นธนบัตรที่สามารถจับต้องได้อยู่ แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาถึงตัวเรามากยิ่งขึ้น การทำธุรกรรมก็เริ่มเปลี่ยนไป สังเกตได้จากการจ่ายเงินที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เริ่มมีการเปลี่ยนไปเป็นแบบโอนหรือสแกนจ่าย QR Code โดยที่เราไม่ต้องถือเงินสดเพื่อไปจับจ่ายใช้สอย และ คริปโต ก็มีการทำงานคล้ายคลึงกับการโอนเช่นเดียวกัน
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว คริปโต มักจะถูกนำมาใช้ในรูปแบบของการลงทุน เพื่อทำกำไรจากคริปโตอย่างที่กล่าวไปข้างต้น หากนับรวมกันทั่วโลกสกุลเงินคริปโตมีอยู่ราว ๆ 350 สกุลเงิน แต่ไม่ใช่ทุกเหรียญที่จะได้รับความสนใจ หรือมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี บางเหรียญก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเรียกกระแสในช่วงแรกเท่านั้น สำหรับบทความนี้เราจะขอพูดถึงเหรียญคริปโตที่มีพื้นฐานดี และมูลค่าของเหรียญสามารถเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว
คริปโต คืออะไร ?
สกุลเงินดิจิทัลที่มีการเข้ารหัส ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ โดยทำงานบนระบบบล็อกเชน ซึ่งมีความปลอดภัยสูง และสามารถปลอมแปลงได้ยาก ด้วยการใช้เครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (Decentralization) และการใช้รหัสผ่านแบบสร้างข้อมูลแทนตัว (Cryptographic hashing)
5 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาว
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า คริปโต ถูกนำมาใช้ด้านการลงทุนมากกว่าการทำธุรกรรมโดยตรง แต่ในตลาดนี้ก็มีการสร้างเหรียญขึ้นมามากมาย มีทั้งใช้งานได้จริง และเพื่อหลอกลวง ดังนั้น เราจึงควรศึกษาให้ดีว่าเหรียญใดที่มีพื้นฐานดี และเราสามารถลงทุนระยะยาวได้
1. Bitcoin (BTC)
Market Cap : ประมาณ 360,000 ล้านดอลลาร์
Bitcoin หรือ BTC ถือเป็นเหรียญคริปโตอันดับหนึ่งที่มีพื้นฐานค่อนข้างแน่น และได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากนักลงทุน อีกทั้งยังเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน โดย Satoshi Nakamoto ซึ่งเป็นบุคคลปริศนาที่ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเขาคือใคร ปัจจุบันเหรียญ คริปโต นี้ถูกยกให้เป็น Store of value หรือตัวเก็บมูลค่าที่สามารถต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี
เหตุผลที่ควรลงทุนระยะยาว
หากดูจากมูลค่าในปัจจุบัน BTC ถือเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงมากอยู่แล้ว แต่ด้วยกลไกการทำงานของมัน ทำให้ในอนาคต BTC สามารถเติบโตได้ไกลขึ้นอีก ด้วยจำนวน BTC ที่มีอย่างจำกัด และจะเกิดการ Halving ทุก ๆ 4 ปี ทำให้เราขุดหาเหรียญได้ยากขึ้นเกือบเท่าตัว ซึ่งสาเหตุนี้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตัวเหรียญมีมูลค่าสูงขึ้นไปได้เรื่อย ๆ
2. Ethereum (ETH)
Market Cap : ประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์
Ethereum หรือ ETH มีระบบกระจายศูนย์กลางในการประมวลผลเหมือนอย่าง Bitcoin แต่มีการพัฒนาขึ้น โดยเพิ่ม Smart Contract เข้ามา ซึ่งเป็นการตั้งโปรแกรมเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้นักพัฒนาสามารถมาพัฒนา Application แบบไม่มีตัวกลางได้ อีกทั้งยังมีระบบปฏิบัติการแบบเปิด (Open-source) หรือ Dapp โดยจะมีการเก็บค่าทำธุรกรรมหรือค่า GAS สำหรับการทำธุรกรรม
เหตุผลที่ควรลงทุนระยะยาว
Smart contact ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของ ETH ที่ทำให้ดึงดูดผู้ใช้งานได้ค่อนข้างมาก ล่าสุดยังได้มีการอัพเดทที่ชื่อว่า London Hard Fork ที่จะมีการ Burn ค่าธรรมเนียมบางส่วนออกจากระบบ เนื่องจากในอดีต ETH ถูกติว่า มีค่าธรรมเนียมที่สูง ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ได้มีการปรับปรุงในหลาย ๆ ส่วน ทำให้ ETH ถือเป็นอีกหนึ่งเหรียญที่นักลงทุนค่อนข้างไว้วางใจ และถือเพื่อเก็งกำไรในระยะยาว
3. Binance Coin (BNB)
Market Cap : ประมาณ 43,000 ล้านดอลลาร์
Binance Coin หรือ BNB เปิดตัวในปี 2017 โดยผู้สร้าง คือ Binance ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโตระดับโลกที่หลายคนรู้จักกันดี ในอดีต BNB ทำงานบนฐานระบบบล็อกเชนของ Ethereum และภายหลัง Binance มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาใช้ระบบบล็อกเชนของตนเอง คือ Binance Chain ซึ่งมีการทำงานแบบกระจายศูนย์ และมีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
เหตุผลที่ควรลงทุนระยะยาว
จุดเด่นของเหรียญ BNB คือ สามารถนำมาลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายบนกระดานเทรด Binance ได้ อีกทั้งยังมีจำนวนเหรียญที่จำกัด พร้อมทั้งกลไกการเผาเหรียญที่ผู้สร้างตั้งใจคิดค้นขึ้น เพื่อลด Supply ในระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักทำให้ราคาเหรียญสามารถเติบโตขึ้นได้เรื่อย ๆ
4. Cardano (ADA)
Market Cap : ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์
Cardano หรือ ADA ถูกสร้างโดย Charles Hoskinson ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum โดยระบบใช้งานโปรโตคอลโอโรโบรอส (Ouroboros) ซึ่งเป็นกลไกของ Cardano โดยตรง นับว่าเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนอันแรกที่ทำงานด้วย Proof of Stake ที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งรองรับได้ประมาณ 270 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) จะทำให้ใช้ไฟน้อยลงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นคู่แข่งอันดับต้น ๆ ของ ETH
เหตุผลที่ควรลงทุนระยะยาว
เมื่อต้นเดือนกันยายน 2021 ทาง ADA ได้มีการอัพเกรด Smart Contract เข้ามาใช้งาน ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้าง Decentralized Applications (Dapps) และก้าวเข้าสู่โลก DeFi รวมถึง NFT ได้ ซึ่งทำให้ราคาเหรียญดีดขึ้นจนทำ All Time High และในอนาคตทางทีมนักพัฒนามีแพลนพัฒนาระบบ Ecosystem อย่างต่อเนื่อง
5. Solana (SOL)
Market Cap : ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์
Solana หรือ Sol สร้างขึ้นเมื่อปี 2017 โดย Anatoly Yakovenko คือ โปรโตคอลแบบ Decentralized ที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถเข้ามาสร้างแอปพลิเคชันแบบ Dapps บนเครือข่ายได้ ทำให้รองรับการทำธุรกรรมในระดับถึง 1,000 ธุรกรรมขึ้นไป ที่สำคัญมีจำนวนเหรียญจำกัดเพียง 409 ล้านเหรียญเท่านั้น
เหตุผลที่ควรลงทุนระยะยาว
SOL มีจุดแข็งด้านความเร็วและความปลอดภัย โดยใช้ Proof-of-Stake ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้สูงถึง 5 หมื่นธุรกรรมต่อวินาที ถือว่าเร็วที่สุดที่คริปโตจะทำได้ ณ ขณะนี้ อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ส่งผลให้เป็นที่ดึงดูดต่อผู้ใช้งาน และอาจแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเหรียญคริปโตยังคงถือว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยง และยังไม่ได้รับการยอมรับมากขนาดนั้นในประเทศไทย ดังนั้น นักลงทุนต้องทำการศึกษาและติดตามข่าวสาร เพื่อที่จะไม่พลาดโอกาสในการลงทุน และสามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Source: Gotradehere
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker