สินค้าโภคภัณฑ์ ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นตัวชี้วัดสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศได้ในระดับหนึ่งและนักลงทุนบางท่านก็เลือกที่จะลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง วันนี้พี่โบ้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักและไขข้อสงสัยว่า สินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร ? ทำไมจึงต้องลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงความเสี่ยงที่อาจจะต้องเจอในการลงทุน
สินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร ?
สินค้าโภคภัณฑ์ คือ วัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าและบริการอื่น ๆ มีลักษณะที่สามารถจับต้องได้ โดยสินค้าโภคภัณฑ์จะมีการกำหนดมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งโลก ทำให้มีคุณสมบัติในการซื้อขายและสามารถใช้ทดแทนกันได้
ประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์
ประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Hard Commodities
Hard Commodities คือ สินค้าที่มาจากทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ทำให้สินค้าประเภทนี้จัดเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปไม่สามารถทดแทนได้ เช่น ทองคำ ทองแดง น้ำมันดิบ เป็นต้น
Soft Commodities
Soft Commodities คือ สินค้าที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาเองอาจจะมาจากการเพาะปลูกหรือดูแลก็ได้ สินค้าประเภทนี้จึงมักมีราคาที่ผันผวนได้ง่ายเนื่องจากปัจจัยภายนอกหลายประการและมีอายุการเก็บรักษาที่จำกัด เช่น ข้าวสาลี โกโก้ เนื้อสัตว์ เป็นต้น
*หมายเหตุ : สินค้าโภคภัณฑ์ยังสามารถแบ่งประเภทได้อีกหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งานและหลักเกณฑ์อื่น ๆ
สินค้าโภคภัณฑ์ 5 กลุ่มมีอะไรบ้าง ?
สินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งกลุ่มได้ 5 กลุ่มหลัก ๆ ตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้
กลุ่ม | ตัวอย่าง |
พลังงาน (Energy) | สินค้าที่สามารถนำมาแปรรูปต่อให้เป็นสินค้าที่ให้พลังงานได้ เช่น ถ่านหิน น้ำมันดิบ พลังงานลม |
โลหะอุตสาหกรรม (Industrial Metals) | โลหะที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ทองแดง ตะกั่ว เหล็ก |
โลหะมีค่า (Precious Metals) | โลหะที่มีมูลค่าสูงกว่าโลหะกลุ่มทั่วไปนิยมนำไปทำเครื่องประดับ เช่น ทอง เงิน แพลทินัม |
สินค้าเกษตร (Agricultural) | ผลผลิตที่ได้จากการเกษตร พืช สัตว์ เช่น ผลไม้ต่าง ๆ ถั่ว ข้าว |
สินค้าปศุสัตว์ (Livestock) | สัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเพื่อนำมาใช้เป็นอาหารหรือเพื่อแปรรูป เช่น ปลา หมู ไก่ |
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นสามารถผันผวนได้ง่ายและขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายประการ
1.อุปสงค์และอุปทาน
ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์จะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาดนั้น ๆ เช่น หากอุปสงค์เพิ่มขึ้นและอุปทานลดลงจะทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ในทางกลับกันหากอุปสงค์น้อยลงแต่อุปทานเพิ่มขึ้นราคาสินค้าจะลดลง
2.ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
ภาวะเศรษฐกิจมักส่งผลกับความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ นโยบายของรัฐบาล เป็นต้น
3.ปัจจัยทางสงคราม
สงครามและความขัดแย้งมีผลต่อการผลิตและการขนส่งของสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภทได้ เช่น สงครามในรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมัน ธัญพืช และปุ๋ยเคมีปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและประเทศที่เกิดสงครามด้วย
4.ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรโดยการเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ของนักลงทุน ปริมาณการเก็บเกี่ยวผลผลิต ตลอดจนภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดความผันผวนต่อราคาที่มากเกินกว่าปกติได้ครับ
ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์ถึงน่าลงทุน
- โอกาสในการทำกำไร
ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานเมื่อปัจจัยเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นก็ส่งผลให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่สินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
- ป้องกันเงินเฟ้อ
เมื่อภาวะเงินเฟ้อสูงมูลค่าของเงินจะต่ำลง แต่สินค้าต่าง ๆ จะแพงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่นำมาใช้ผลิตสินค้านั้นก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย กล่าวคือสินค้าโภคภัณฑ์จะมีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับเงินเฟ้อ
- กระจายความเสี่ยง
สินค้าโภคภัณฑ์มีความสัมพันธ์ที่ผกผันกันกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ ทำให้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงได้ดี อีกทั้ง ยังช่วยลดความเสี่ยงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจได้ เช่น บางครั้งราคาหุ้นก็เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกันกับสินค้าโภคภัณฑ์
ความเสี่ยงของการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง : สินค้าโภคภัณฑ์บางประเภทมีสภาพคล่องที่ค่อนข้างต่ำทำให้ยากต่อการซื้อขาย
ความเสี่ยงด้านความผันผวน : ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายประการ ทำให้ราคาสามารถผันผวนได้อย่างรวดเร็ว
ความเสี่ยงด้านการจัดเก็บ : การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรงจะมีความเสี่ยงด้านการเก็บรักษาและการคงสภาพ แต่ก็สามารถป้องกันได้โดยการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเก็บรักษา หรือเลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทางอ้อมแทน
ความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาล : การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลก็สามารถส่งผลต่อราคาและตลาดของสินค้าโภคภัณฑ์ได้ เช่น การเสียภาษีเพาะปลูก การกำหนดข้อจำกัดด้านการผลิต หรือแม้แต่ภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของค่าเงิน
วิธีลดความเสี่ยงในการลงทุนกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
- เลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีสภาพคล่องสูง ง่ายต่อการซื้อขาย ราคาไม่ผันผวนมากจนเกินไป ขณะเดียวกันก็สามารถคงมูลค่าไว้ได้ในช่วงวิกฤต
- เลือกช่องทางการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง
- วิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคและแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
- วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของตนเอง
- ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์นั้นสามารถลงทุนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในส่วนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะมีความผันผวนที่ค่อนข้างสูงในระยะสั้น อีกทั้ง ราคายังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายประการ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องศึกษาปัจจัยต่าง ๆ และหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสารให้ดี รวมถึงบริหารความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการกำหนดสัดส่วนในการลงทุน และกำหนดจุด Take Profit / Stop Loss หรือตั้ง Risk Reward Ratio
3 ช่องทางการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
ในปัจจุบันสินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งช่องทางการลงทุนได้ 3 ช่องทาง ดังต่อไปนี้
ลงทุนทางตรง
ลงทุนทางตรง คือ การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ๆ โดยตรง ซึ่งอาจจะเป็นการซื้อมาเก็บไว้เองและทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาในอนาคต เช่น ซื้อข้าวเปลือกมาเก็บไว้และทำการขายเมื่อราคาสูงขึ้น แต่การลงทุนในรูปแบบนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
📌 ข้อดี
นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่จับต้องได้
📌 ข้อเสีย
มีต้นทุนในการเก็บรักษาและความเสี่ยงในการคงสภาพสินค้า อีกทั้งต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการลงทุน และมีสภาพคล่องค่อนข้างน้อย
ลงทุนทางอ้อม
ลงทุนทางอ้อม คือ การลงทุนในบริษัทที่ดำเนินกิจการที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่ ETF ที่มีการลงทุนเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์เอง
📌 ข้อดี
สภาพคล่องสูง กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการลงทุนทางตรง ใช้เงินลงทุนน้อย มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลกองทุนให้ในกรณีที่ลงทุนใน ETF หรือกองทุน
📌 ข้อเสีย
มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายเพิ่มเติมแต่จะไม่สามารถจัดการพอร์ตได้ด้วยตัวเอง
ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Commodities Futures)
ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Commodities Futures) คือ การลงทุนผ่านการถือครองตราสารอนุพันธ์หรือหน่วยลงทุนแบบ CFD การลงทุนประเภทนี้จะได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคา
📌 ข้อดี
ป้องกันความเสี่ยงของการผันผวนของราคาได้และสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น – ขาลง ใช้เงินลงทุนน้อยมาก มีค่าธรรมเนียมไม่สูงมากและนักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่าย
📌 ข้อเสีย
มีความเสี่ยงในเรื่องของการเลือกใช้ Leverage
โบรกเกอร์ CFD ที่สามารถซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ได้
โบรกเกอร์ CFD | Hard Commodity | Soft Commodity | รีวิวโบรกเกอร์ |
IUX | ✅ | ❌ | อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม |
IC Markets | ✅ | ✅ | อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม |
HFM | ✅ | ✅ | อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม |
Pepperstone | ✅ | ❌ | อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม |
📌*หมายเหตุ : การลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ นั้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่มีเทคนิคการลงทุนแตกต่างกันไป ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและแผนการลงทุนของตนเองก่อนเลือกตัดสินใจลงทุนครับ 📢
5 อันดับสินค้าโภคภัณฑ์ที่คนนิยมลงทุนในปัจจุบัน
น้ำมันดิบ (ฺCrude Oil)
น้ำมันดิบถือเป็นสินค้าที่ผู้คนต้องการอย่างมากและถือเป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ถูกใช้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น การผลิตไฟฟ้า การขนส่ง เป็นต้น
ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas)
ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่สามารถนำมาใช้งานได้โดยตรงและถือเป็นอีกแหล่งพลังงานสำคัญที่มีความต้องการสูง
ทองคำ (Glod)
ทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนนิยมลงทุนในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจมีความผันผวน อีกทั้งทองคำยังมีสภาพคล่องที่สูงมากและสามารถรักษามูลค่าไว้ได้ในช่วงวิกฤต
เงิน (Silver)
เงินถือเป็นสินทรัพย์ประเภทเดียวกับทองคำและยังถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย เช่น เป็นส่วนประกอบในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
ทองแดง (Copper)
ทองแดงถือเป็นโลหะที่มีความต้องการในอุตสาหกรรมสูงมาก กล่าวคือเมื่ออุตสาหกรรมเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ ทองแดงก็จะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
แนวโน้มการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ปี 2567
แนวโน้มของการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2567 ยังมีความผันผวนในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยภายนอก แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรกร เช่น น้ำตาล ปาล์ม ถั่วเหลือง จึงมีแนวโน้มปรับตัวลง แต่ในส่วนราคาของข้าวสาลีและข้าวโพด คาดการณ์ว่าจะปรับราคาขึ้นเนื่องจากการผลิตที่ยังคงลดลงในรัสเซีย ในส่วนสินค้ากลุ่มโลหะคาดว่าจะมีการปรับราคาขึ้นภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซัน (High Season) ของภาคอุตสาหกรรมการส่งออกครับ
ทำความรู้จักหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ 5 กลุ่มอุตสาหกรรม
หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์แบ่งออกได้ตามประเภทของการดำเนินธุรกิจ ดังต่อไปนี้
หุ้นกลุ่มพลังงาน (Energy)
หุ้น PTT เป็นของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจที่ลงทุนผ่านบริษัทย่อย
ข้อมูลสำคัญของหุ้น PTT
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 971,141.87 ล้านบาท
- P/E : 8.67
- อัตราผลตอบแทน : 5.88 %
- เงินปันผลล่าสุด : 1.20 บาท / หุ้น
- รายได้รวม : 3,185,256.08 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ : 112,023.88 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ : 4.87 %
หุ้นกลุ่มโลหะ (Metals)
หุ้น TSTH เป็นของ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการ ผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล็กเส้น เหล็กลวด และเหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ข้อมูลสำคัญของหุ้น TSTH
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 6,400.37 ล้านบาท
- P/E : 66.52
- อัตราผลตอบแทน : 5.88 %
- เงินปันผลล่าสุด : 1.20 บาท / หุ้น
- รายได้รวม : 25,040.67 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ : 96.22 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ : 0.38 %
หุ้นกลุ่มสินค้าเกษตร (Agriculture)
หุ้น TWPC เป็นของ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการ ผลิตและจําหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งและที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
ข้อมูลสำคัญของหุ้น TWPC
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 3,363.21 ล้านบาท
- P/E : 119.84
- อัตราผลตอบแทน : 2.38 %
- เงินปันผลล่าสุด : 0.09 บาท / หุ้น
- รายได้รวม : 2,665.98 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ : 65.89 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ : 2.69 %
หุ้นกลุ่มปศุสัตว์ (Livestock)
หุ้น CPF เป็นของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่จำแนกธุรกิจหลักตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ ออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ธุรกิจอาหารสัตว์ 2. ธุรกิจเลี้ยงสัตว์-แปรรูป 3. ธุรกิจอาหาร
ข้อมูลสำคัญของหุ้น CPF
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 185,098.51 ล้านบาท
- P/E : –
- อัตราผลตอบแทน : –
- เงินปันผลล่าสุด : 0.35 บาท / หุ้น
- รายได้รวม : 141,102.21 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ : 1,152.03 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ : 1.10 %
หุ้นกลุ่มเคมี (Chemicals)
หุ้น IVL เป็นของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการด้านการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ข้อมูลสำคัญของหุ้น IVL
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 138,117.98 ล้านบาท
- P/E : –
- อัตราผลตอบแทน : 3.76 %
- เงินปันผลล่าสุด : 0.18 บาท / หุ้น
- รายได้รวม : 137,627.34 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ : 1,133.00 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ : 0.74 %
คำถามที่พบบ่อย
การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สามารถทำได้กี่ช่องทาง ?
สามารถทำได้ 3 ช่องทาง คือ การลงทุนทางตรง การลงทุนทางอ้อม และการลงทุนในสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้า (Commodities Futures)
สินค้าโภคภัณฑ์สามารถป้องกันเงินเฟ้อได้ไหม ?
สามารถป้องกันได้ เนื่องจาก สินค้าโภคภัณฑ์จะมีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับเงินเฟ้อ
การลงทุนในกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร ?
การลงทุนในกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ คือ การลงทุนในกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ
สรุป สินค้าโภคภัณฑ์ คืออะไร ?
จากที่พี่โบ้กล่าวมาถึงแม้สินค้าโภคภัณฑ์จะสร้างผลตอบแทนที่สูงซึ่งถือเป็นข้อดี แต่ก็มีความผันผวนที่สูงมากเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้อาจจะส่งผลให้เกิดการขาดทุนได้ง่ายภายในระยะเวลาอันสั้นครับ ผู้ลงทุนจึงต้องศึกษาความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ที่อาจจะไม่ได้มาจากแค่ปัจจัยภายนอกก่อนเริ่มลงทุน
อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้
วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page