.
.
ธีมรักโลก ผลักดันความเป็น Ecosystem ส่งผลให้รถยนต์ EV มียอดขายทะลุกว่า 40 ล้านคัน!
จากกระแสเมกะเทรนด์ที่มาแรงทั่วโลก ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้า EV ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เห็นได้จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าหลาย ๆ ราย ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกสามารถทำสถิติยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Tesla, BYD, KIA & HYUNDAI, HONDA, FORD หรือ Volkswagen ที่มีผลประกอบการเติบโตเป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น Tesla ที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกอยู่ที่ 28% หรือ BYD ที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกอยู่ที่ 7% ซึ่งคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเติบโตถึง 94% โดยเฉพาะรถยนต์ประเภท BEV ที่คาดว่า จะสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดได้ถึง 34% จากตลาดทั่วโลก
ข้อควรรู้! รถยนต์ไฟฟ้า EV สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
แนวโน้ม “การเติบโต” ของรถยนต์ไฟฟ้า EV ปี 2023
สำหรับประเทศไทยนั้น กระแสตอบรับของรถยนต์ไฟฟ้าก็มาแรงไม่แพ้กัน โดย Krungthai COMPASS ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2023 ยอดขายรถยนต์ BEV ขยายตัวอยู่ที่ 24,000 คัน หรือสามารถคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ถึง 92% ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คือ ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ารถยนต์สันดาป และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีการใช้งานที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นและคาดการณ์ว่า ในอนาคตอัตราการใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีขึ้นในช่วงปี 2023-2025 ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับกระแสตอบรับที่ดีนั้น เกิดจากนโยบายการสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ของภาครัฐที่พยายามส่งเสริม Ecosystem โดยเริ่มจากการเปลี่ยนการใช้ “รถสันดาปภายใน” ให้เป็น “รถยนต์ EV” ในอนาคตให้มากขึ้นแทน
ปี 2023 คาดการณ์ได้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2022 โดยรถยนต์ BEV สามารถครองยอดขายได้มากถึง 34% ซึ่งคิดเป็นการเติบโตได้ถึง 30 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่รถยนต์ BEV ครองสัดส่วนตลาดได้เพียง 4% ทำให้เห็นได้ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 10 ปี ข้างหน้านี้
วิเคราะห์โอกาสการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า
ตลาดยานยนต์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ทำให้เกิดตลาดใหม่ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นและเข้ามามีบทบาทในส่วนแบ่งของตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ประเทศแคนาดา, นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวมกันถึง 6.9 ล้านคัน โดยจะขอยกตัวอย่าง 3 ตลาดยานยนต์ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
โรงงาน Tesla ในเซียงไฮ้ (ที่มา : Europe.autonews.com)
1. ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าประเทศจีน
ตลาดประเทศจีนมีการเติบโตเป็นอย่างมาก โดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีนรายงานว่า ในปี 2022 มียอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 89% ในปีก่อนหน้านั้น สามารถคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 19% ของยอดขายรถใหม่ในจีน ซึ่งยี่ห้อรถที่มาแรงในจีนได้แก่ Hongguang Mini EV 490,000 คัน, Tesla Model Y 460,000 คัน และ Dophin (BYD) 180,000 คัน ตามลำดับ
2. ตลาดยานยนต์ไฟฟ้ายุโรป
IHS Automotive คาดการณ์ว่า ในปี 2030 ยอดขายรถยนต์ EV จะเติบโตถึง 56% ในตลาดยุโรป เนื่องจากยุโรปมีการกำหนดนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องหันมาใช้พลังงานทดแทน
3. ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย
สำหรับโอกาสการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย Krungthai Compass ได้วิเคราะห์ไว้ว่า ตลาดรถยนต์ BEV มียอดการขายที่เติบโตในประเทศไทย เพราะมีหลายแบรนด์รถยนต์ที่เริ่มวางแผนขยายการลงทุนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จากการเข้าร่วมโครงงานสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ซึ่ง Krungthai Compass ประเมินยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 24,000 คัน ในปี 2023 คิดเป็นการคำนวณได้ถึง 92.0% จากปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ภาครัฐยังผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคในระยะยาว รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน เพื่อสนับสนุนมาตรการการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าปลอดมลพิษ (Zero Emission Vehicle : ZEV)
3 แบรนด์รถยนต์ขยายการลงทุนในไทย
แบรนด์รถยนต์ | แผนการลงทุน | |
MG Thailand | - เพิ่มงบประมาณในการลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท | |
GMW | - ลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท เพื่อเดินสายผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10,000 คัน | |
NETA V | - วางแผนในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้กับคนไทยภายในปีนี้กว่า 10,000 คัน |
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์อื่น ๆ
MINI Cooper SE, Nissan Leaf, Tesla Model Y, Volt City EV, Audi e-torn GT, BMW iX3, Toyota bZ4x และ Jaguar i-PACE เป็นต้น
เจาะลึก! 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า สามารถแบ่งออกเป็น 5 ปัจจัย ได้แก่
1. การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม : พยายามลดมลพิษทางอากาศที่มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากการปล่อยมลพิษของรถบนท้องถนน
2. การผลักดันพลังงานทดแทนให้มากยิ่งขึ้น : เพื่อลดการใช้น้ำมันที่นำเข้าจากนอกภูมิภาคและพึ่งพาความเป็น Ecosystem
3. การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ : เพื่อพัฒนาระบบให้เข้าสู่ยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) ในอนาคต
4. ความคุ้มค่าของการใช้งาน : ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่ารถสันดาป รวมทั้ง ยังมีค่าใช้จ่ายทางเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า
5. การแข่งขันในอุตสาหกรรมตามกระแสเมกะเทรนด์ที่มีมากขึ้น : ส่งผลให้หลาย ๆ แบรนด์เริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับพลังงานสะอาด EV และสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับธีม EV เพิ่มขึ้น
ข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้าที่ควรรู้ “ก่อนตัดสินใจซื้อ”
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากเพียงใด แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็มีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จที่สั้นเกินไป และในปัจจุบันยังไม่มีสถานีชาร์จที่ครอบคลุมมากพอ รวมทั้งระยะเวลาในการชาร์จก็นานเกินไปอีกด้วย ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ใช้ที่จำเป็นต้องเดินทางไกลยังคงมีความกังวลใจในการใช้งานและการอำนวยความสะดวกของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่
ส่อง! ตารางหุ้น EV กลุ่มไหนบ้าง? มีแววน่าลงทุน 2023
กลุ่มหุ้น EV ที่ได้รับประโยชน์ | ตัวอย่างหุ้น |
---|---|
สถานีชาร์จ | – EA – PPT |
ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ไฟฟ้า | – EPG – FPI |
แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ | – KCE – DELTA |
ผู้ประกอบชิ้นส่วน EV | – NEX – CWT |
📌Tip! การคัดเลือกหุ้น EV ที่มีแววน่าลงทุน ควรคำนึงถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทนั้น ๆ ว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือไม่? โดยพิจารณาได้จากกำไรย้อนหลังสม่ำเสมอ ผลประกอบการย้อนหลัง 5-10 ปี Free Float หรือสภาพคล่องของหุ้นสูง รวมทั้ง การคำนวณค่า ROE, P/E และ P/BV ที่เหมาะสมด้วย
หุ้น EA : บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้า, โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ไบโอดีเซล และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เช่น ศูนย์แบตเตอรี่ไฟฟ้า เป็นต้น
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EA
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 170,647.50 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 45.75 และ 45.50
P/E (เท่า)
- 17.73
P/BV (เท่า)
- 4.04
Beta*
- 1.81
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 39.89
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- 0.66
อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)
- 27.54
งบการเงินของหุ้น EA
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
หุ้น PPT : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
PPT ดำเนินกิจการเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปการ, ธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจให้บริการอื่น ๆ
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า PPT
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 170,647.50 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 45.75 และ 45.50
P/E (เท่า)
- 12.52
P/BV (เท่า)
- 0.85
Beta*
- 0.83
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 48.88
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- 6.11
อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)
- 4.10
งบการเงินของหุ้น PTT
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
หุ้น EPG : บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
EPG ประกอบธุรกิจหลักจากการร่วมถือหุ้นในบริษัทอื่น เช่น ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วน ภายใต้การดำเนินการของบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด (ARK)
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EPG
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 19,320.00 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 7.00 และ 6.80
P/E (เท่า)
- 16.80
P/BV (เท่า)
- 1.58
Beta*
- 1.41
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 25.86
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- 3.62
อัตรากำไรสุทธิ ไตรมาส1/2567 (%)
- 10.23
งบการเงินของหุ้น EPG
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
หุ้น FPI : บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
FPI ประกอบธุรกิจประเภทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากพลาสติกและเป็นศูนย์รวมในการจัดจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่ของรถยนต์
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า FPI
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 3,752.31 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 2.54 และ 2.48
P/E (เท่า)
- 10.39
P/BV (เท่า)
- 1.74
Beta*
- 0.74
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 24.98
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- 6.45
อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)
- 159.43
งบการเงินของหุ้น FPI
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
หุ้น KCE : บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
KCE เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ PCB ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการประกอบเครื่องมือที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์เกือบทุกชนิด
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า KCE
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 60,877.56 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 53.75 และ 52.00
P/E (เท่า)
- 32.43
P/BV (เท่า)
- 4.54
Beta*
- 1.99
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 59.06
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- 3.11
อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)
- 9.04
งบการเงินของหุ้น KCE
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
หุ้น DELTA : บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
DELTA ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการจัดการระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ได้แก่ EMI, DC Fan และโซเลนอยด์ เป็นต้น
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า DELTA
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 1,007,260.65 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 79.75 และ 75.00
P/E (เท่า)
- 60.74
P/BV (เท่า)
- 17.21
Beta*
- 2.36
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 22.36
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- 0.50
อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)
- 12.08
งบการเงินของหุ้น DELTA
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
หุ้น NEX : บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
NEX ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ลูกค้า
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า NEX
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 19,510.63 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 9.55 และ 9.35
P/E (เท่า)
- 23.36
P/BV (เท่า)
- 4.98
Beta*
- 1.67
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 41.98
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- –
อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)
- 8.73
งบการเงินของหุ้น NEX
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
หุ้น CWT : บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
CWT ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า คือ เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ เช่น Toyota, Honda, Nissan, Mazda และ Chevrolet เป็นต้น
ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า CWT
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
- 951.46 ล้านบาท
ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด
- 1.51 และ 1.50
P/E (เท่า)
- 41.07
P/BV (เท่า)
- 0.49
Beta*
- 1.18
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)
- 61.55
อัตราเงินปันผลตอบแทน (%)
- 3.54
อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)
- -0.81
งบการเงินของหุ้น CWT
* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET
สรุป หุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EV
รถยนต์ไฟฟ้า EV กลายเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรง เพราะปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับระบบ Ecosystem โดยการรณรงค์ให้หันมาใช้พลังงานทดแทน จึงทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่ตนเองสนใจให้ละเอียดและรอบคอบ อีกทั้ง ควรศึกษาแนวโน้มในการเติบโตของบริษัท ๆ นั้น เช่น การคำนวณ EPS เพื่อให้การลงทุนของคุณได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EV
การเลือกหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าพื้นฐานดี ควรพิจารณาจากหลักเกณฑ์อะไร?
ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาหลักเกณฑ์ในการเลือกสรรหุ้นรถ EV ได้จาก 5 หลักเกณฑ์ ได้แก่ 1. แนวโน้มของธุรกิจ 2. ฐานะทางการเงินของธุรกิจ 3. สภาพคล่องในการซื้อขายของหุ้น 4. ประเมินค่า P/E และ 5. ประเมินค่า P/BV สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
หุ้นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง?
- หุ้น EA
- หุ้น PPT
- หุ้น EPG
- หุ้น FPI
- หุ้น KCE
- หุ้น DELTA
- หุ้น NEX
- หุ้น CWT
อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้
วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page