
MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่ถูกขนานนามว่า “สุดยอดนักทำนายแนวโน้ม” โดยมีแนวคิดมาจาก Moving Average ดังนั้น สายเทรดสั้นห้ามพลาด 😎
สำหรับนักลงทุนที่กำลังท่องโลกอยู่ในตลาด Forex, Cryptocurrency หรือแม้กระทั่ง Stock นั้น คงกำลังมองหาตัวช่วยที่จะทำให้การเทรดของคุณมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยทุ่นแรงของคุณได้ คือ อินดิเคเตอร์ โดย Indicator ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาในอนาคต เนื่องจากเราไม่สามารถคาดการณ์ได้เองว่า ราคาจะขึ้นหรือจะลง ดังนั้น Indicator จะช่วยให้การเทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นมากอย่างทวีคูณ
บทความนี้ Traderbobo จึงขอเสนออินดิเคเตอร์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “สุดยอดนักทำนายแนวโน้ม” นั่นคือ MACD Indicator ที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้อย่างแม่นยำและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเทรดสั้นอย่าง Day Trading ที่เน้นการทำกำไรต่อวัน
*หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานอินดิเคเตอร์ MACD เท่านั้น การลงทุนทุกรูปแบบมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาความเสี่ยงและรูปแบบของการลงทุนอย่างละเอียดก่อนเริ่มทำการลงทุน
ประโยชน์ของ MACD คืออะไร?
เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากอินดิเคเตอร์ได้หลายข้อ ดังนี้
- MACD ใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคา
- MACD ใช้หาจุดเข้าซื้อ-ขาย
- MACD ใช้หาจุดกลับตัวของราคาและการเคลื่อนตัวไปต่อของแนวโน้ม
MACD คืออะไร?
MMACD คือ Indicator ประเภท Oscillator ที่ใช้วัดการแกว่งตัวและวิเคราะห์แนวโน้มของราคา (Trend) ซึ่ง MACD ถูกคิดค้นเมื่อปี 1970 โดย Gerald Appel นักวิเคราะห์ชาวอเมริกัน
โดย MACD ย่อมาจาก Moving Average Convergence Divergence เนื่องจากมีแนวคิดมาจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรืออินดิเคเตอร์พื้นฐานอย่าง Moving Average
ในการใช้งาน MACD Indicator จะมีเส้น EMA (Exponential Moving Average) ที่มีค่าต่างกันจำนวน 2 เส้น และ MACD คือ ผลต่างระหว่างเส้น EMA 2 เส้น ดังนั้น MACD จึงมีค่า 0 เป็นจุดศูนย์กลาง และเทรดเดอร์มักใช้การเคลื่อนตัวของเส้น MACD เพื่ออ่านรูปแบบของแนวโน้มได้ ซึ่งพี่โบ้สามารถสรุปการอ่านสัญญาณ MACD ออกมาได้ดังนี้
ซึ่งส่วนประกอบของ MACD มีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน อีกทั้ง 3 ส่วนเหล่านี้ จะเข้ามาช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์แนวโน้มการลงทุนได้นั่นเอง
3 ส่วนประกอบของ MACD Indicator
ส่วนประกอบของ MACD แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ MACD Line, Signal Line และ Histogram โดย MACD Indicator จะถูกแสดงออกมากราฟที่อยู่ใต้กราฟราคา เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของราคา และความเคลื่อนไหวของ MACD โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ภาพแสดงที่อยู่ของกราฟราคาและ MACD

ภาพแสดงส่วนประกอบของ MACD Indicator

1. MACD Line หรือ เส้น MACD
MACD Line คือ เส้นสำคัญที่เคลื่อนไหวบนกราฟราคา เมื่อคุณใช้อินดิเคเตอร์ MACD ในการเทรด ทั้งยังเป็นเส้นที่ระบุผลต่างระหว่าง EMA(12) และ EMA(16) และเมื่อเส้น MACD เคลื่อนที่เข้ามาหากัน, ตัดกัน หรือแยกกัน มักจะเกิดสัญญาณ Buy และ Sell
EMA(12) หมายความว่า เส้น EMA จะแทนค่าเฉลี่ยแนวโน้มราคาของแท่งเทียน 12 แท่งเทียนล่าสุด ที่เกิดขึ้นจาก Timeframe ที่เราเลือกใช้ เช่น หากเทรดบนกราฟที่ใช้ TF (H1) ก็จะใช้ค่าเฉลี่ยนของราคาที่ 12 ชั่วโมงล่าสุด
2. Signal Line หรือ เส้นสัญญาณ
Signal Line คือ เส้นอ้างอิงที่มักถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับ MACD Line เพื่อหาสัญญาณในการซื้อ-ขาย ซึ่ง MACD Signal Line มีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ Bullish MACD และ Bearish MACD
- Bullish MACD คือ กรณีที่ MACD Line ตัดขึ้นไปอยู่เหนือ Signal Line
- Bearish MACD คือ กรณีที่ MACD Line ตัดลงไปอยู่ใต้ Signal Line
เส้น MACD และเส้น Signal Line ใช้ยังไง?

| สัญญาณ | ความหมาย |
| MACD > Signal line | ▪ เส้น MACD ตัดขึ้นไปเหนือ Signal Line ▪ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น ▪ เปิดออเดอร์ Buy ได้เปรียบมากกว่า ▪ เรียกว่าอีกอย่างหนึ่งว่า “Bullish MACD” |
| MACD < Signal line | ▪ เส้น MACD ตัดลงมาใต้ Signal Line ▪ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาลง ▪ เปิดออเดอร์ Sell ได้เปรียบมากกว่า ▪ เรียกว่าอีกอย่างหนึ่งว่า “Bearish MACD” |
3. MACD Histogram หรือ แท่งกราฟ
Histogram คือ กราฟแท่งที่บ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่าง MACD และ Signal Line และความยาวของแท่ง Histogram ยังสามารถใช้บ่งบอกถึง “ความแข็งแรงของโมเมนตัมราคา” ได้อีกด้วยครับ
- Histogram เปลี่ยนสี = สัญญาณการกลับตัว
- Histogram แท่งยาว = โมเมนตัมมีความแข็งแรง
- Histogram แท่งสั้น = โมเมนตัมมีความแข็งแรง
MACD Histogram ดูยังไง?

| สัญญาณ | ความหมาย |
| MACD Histogram คว่ำลง | ▪ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาลง ▪ เปิดออเดอร์ Sell ได้เปรียบมากกว่า |
| MACD Histogram หงายขึ้น | ▪ เป็นสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น ▪ เปิดออเดอร์ Buy ได้เปรียบมากกว่า |
* หมายเหตุ : ไม่ควรเปิดออเดอร์ทันทีเมื่อเกิดสัญญาณ ควรรอให้ MACD Histogram ปรากฏ 3 แท่งขึ้นไปแล้วจึงเปิดออเดอร์ เพื่อเป็นการยืนยันสัญญาณ
ตั้งค่า MACD เท่าไหร่ดี สูตร MACD
จากหัวข้อข้างบนที่เราได้อธิบายถึงส่วนประกอบทั้ง 3 อย่างของ MACD Indicator ไปแล้ว ในหัวข้อนี้ เราจะกล่าวถึงวิธีตั้งค่า MACD และการคำนวณในแต่ละเส้น ได้แก่ MACD Line (EMA12,26) และ MACD Signal Line (SMA9) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

MACD Line: ตั้งค่า MACD 2 เส้น

ความหมายของตัวแปร
- MACD คือ EMA 12 วัน หักออกด้วย EMA 26 วัน
- EMA(12) และ EMA(26) คือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่โดยใช้ราคาปิดย้อนหลัง 12 วัน และ 26 วัน ตามลำดับ
จากสูตรจะเห็นว่า ค่าดั้งเดิมในการตั้งค่าเส้น EMA สำหรับการใช้ MACD Indicator ในการวิเคราะห์โดย MACD 2 เส้น คือ EMA 12 วัน และ EMA 26 วัน ซึ่งเป็นค่าที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้ เนื่องจากเป็นค่าที่ก่อให้เกิดสัญญาณซื้อ-ขายในระยะกลางที่ดีที่สุด แต่แท้จริงแล้ว คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัดหรือกลยุทธ์ในการเทรดของแต่ละบุคคลครับ
* หมายเหตุ : เมื่อเราเลือกอินดิเคเตอร์ MACD ในโปรแกรมเทรดเรียบร้อยแล้ว เส้น EMA(12) และ EMA(26) จะถูกรวมเป็นเส้นเดียวกัน คือ เส้น MACD ครับ เนื่องจากทางโปรแกรมได้มีการคำนวณมาเรียบร้อยแล้ว
MACD Signal Line: ตั้งค่า MACD 1 เส้น

ความหมายของตัวแปร
- Signal Line คือ เส้น MACD Signal Line
- SMA(9) คือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่โดยใช้ราคาปิดย้อนหลัง 9 วัน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อเราเลือกใช้ MACD เป็นอินดิเคเตอร์ในโปรแกรมเทรด เส้น EMA ทั้ง 2 เส้นจะรวมเป็นเส้นเดียวกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมี Signal Line เพิ่มขึ้นมา เพื่อระบุว่า MACD Line มีทิศทางแนวโน้มไปทางใด
จากสูตรจะเห็นว่า Signal Line ของ MACD นั้น มีค่าดั้งเดิมอยู่ที่ SMA 9 วัน ซึ่งเป็นค่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่นิยมเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีการคำนวณไว้ในสูตร และโปรแกรมเทรดเรียบร้อยแล้วครับ
วิธีใช้ MACD Indicator ในการเทรด
MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่นักลงทุนยกให้เป็น “สุดยอดนักทำนายแนวโน้ม” เนื่องจากแต่ละส่วนของ Indicator สามารถใช้วิเคราะห์แนวโน้มและจุดเข้าซื้อ-ขายได้ทั้งหมด โดยสามารถแบ่งเป็นประเด็นหลัก ดังนี้

เนื่องจาก MACD (Moving Average Convergence Divergence) ถือเป็นอินดิเคเตอร์ที่ช่วยวัด ความแรงของแนวโน้ม และจับจังหวะการกลับตัวของราคา ได้อย่างแม่นยำ โดยในภาพจะวิเคราะห์ โดยใช้องค์ประกอบหลัก ๆ ที่สำคัญ 3 ส่วนร่วมกัน ดังนี้
- MACD Line (เส้นสีน้ำเงิน)
- Signal Line (เส้นสีส้ม)
- Histogram (แท่งสีเขียวและแดง)
การใช้ MACD หาสัญญาณเข้า Buy
- เมื่อ MACD Line ตัดขึ้นเหนือ Signal Line → แสดงว่าแรงซื้อเริ่มเข้ามา และแนวโน้มขาขึ้นกำลังแข็งแรง
- เมื่อแท่ง Histogram เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว → ยิ่งยืนยันว่าโมเมนตัมขาขึ้นเริ่มกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง
ดังนั้น พี่โบ้จะสังเกตสัญญาณสำหรับเข้าออเดอร์ Buy ในช่วงที่เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือ Signal Line และแท่ง Histogram เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวครับ
การใช้ MACD หาสัญญาณเข้า Sell
- เมื่อ MACD Line ตัดลงใต้ Signal Line → บ่งบอกว่าแรงขายเริ่มมากขึ้น และแนวโน้มขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง
- เมื่อแท่ง Histogram เปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง → เป็นสัญญาณยืนยันว่า โมเมนตัมฝั่งขายเริ่มเข้ามาครองตลาด
นอกจากสัญญาณเหล่านี้ เทรดเดอร์จำเป็นต้องดูความแรงของแนวโน้ม เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณด้วย ซึ่งเทรดเดอร์สามารถสังเกตได้ผ่านการดู Histogram ของ MACD Indicator
การดูความแรงของแนวโน้ม
- ถ้าแท่ง Histogram ยาวขึ้นเรื่อย ๆ (ไม่ว่าจะเป็นเขียวหรือแดง) หมายถึง แนวโน้มช่วงนั้นมีความแข็งแรง
- ถ้าแท่ง Histogram สั้นลงเรื่อย ๆ หมายถึง แนวโน้มเริ่มอ่อนแรง หรืออาจใกล้เกิดกลับตัวแล้ว
ตำแหน่งการเปิดออเดอร์ทั้ง Buy และ Sell ของพี่โบ้จะอยู่ในจุดที่กราฟแสดงพฤติกรรมของราคา (Price Action) ที่สอดคล้องกับแนวโน้ม ณ ช่วงนั้นอย่างชัดเจน เพราะ Price Action ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วย “ยืนยันแนวโน้ม” และช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ
*หมายเหตุ: เทรดเดอร์ควรใช้ MACD Indicator ร่วมกับแนวรับ-แนวต้าน และ Price Action รวมถึงควรเฝ้าระวังสัญญาณหลอกในช่วงที่ตลาดเป็น Sideway เนื่องจาก MACD สามารถทำงานได้ดี ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มชัดเจน
เคล็ดลับ! หลักการจำ MACD ใช้ยังไง?
| สัญญาณ | ความหมาย |
| MACD เป็น (+) และอยู่เหนือ Signal Line | มีโอกาสสูงที่ราคาจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และมีสัญญาณการปรับตัวขึ้นที่สูงขึ้น |
| MACD เป็น (+) และอยู่ใต้ Signal Line | มีโอกาสสูงที่ราคาจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่มีสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง |
| MACD เป็น (-) และอยู่ใต้ Signal Line | มีโอกาสสูงที่ราคาจะอยู่ในแนวโน้มขาลง และมีสัญญาณการปรับตัวลงที่สูงขึ้น |
| MACD เป็น (-) และอยู่เหนือ Signal Line | มีโอกาสสูงที่ราคาจะอยู่ในแนวโน้มขาลง แต่มีสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น |
ข้อควรระวังในการใช้ MACD คืออะไร?
ถึงแม้ว่า การตัดกันของ MACD Line และ Signal Line จะสามารถบ่งบอกถึงสัญญาณเข้าซื้อและขายได้ แต่ไม่ควรเปิดออเดอร์ทันทีเมื่อเกิดสัญญาณ อาจเป็นสัญญาณที่ราคาเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วขณะ ดังนั้น เราควรดู MACD Divergence ควบคู่ด้วยครับ
วิธีใช้ MACD Divergence ดูจุดกลับตัวของสัญญาณ

MACD Divergence คือ การวิเคราะห์ทาง Technical Analysis ที่เกิดจากความแตกต่างของโครงสร้างราคาระหว่างกราฟราคาและ MACD Indicator กล่าวคือ เมื่อราคาทำจุดสูง-ต่ำใหม่ แต่ MACD กลับทำจุดสูง-ต่ำที่ขัดแย้งกัน สิ่งนี้เรียกว่า Divergence
ตัวอย่าง การใช้ MACD Divergence
MACD Regular Divergence ใช้บ่งบอกสัญญาณเมื่อแรงซื้อและขายอ่อนแรง และราคากำลังจะเกิดการกลับตัว ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทตามแนวโน้มของราคา ได้แก่ 1. Bullish Divergence และ 2. Barish Divergence
MACD Bullish Divergence

- ราคา: ทำ Lower Low (จุดต่ำใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม) ในแนวโน้มขาลง
- MACD: ทำ Higher Low (จุดต่ำใหม่ที่สูงกว่าเดิม) สวนทางกับราคา
ความหมาย: แม้ราคายังคงลงต่อเนื่อง แต่ MACD กำลังแสดงให้เห็นว่า โมเมนตัมขาลงกำลังอ่อนแอลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงขายกำลังหมดไปและมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้น ทำให้หลังจากเกิด Bullish Divergence ขึ้น ราคาและแนวโน้มได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นขาขึ้นตามภาพ
MACD Bearish Divergence

- ราคา: ทำ Higher High (จุดต่ำใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม) ในแนวโน้มขาลง
- MACD Indicator: ทำ Lower High (จุดต่ำใหม่ที่สูงกว่าเดิม) ซึ่งสวนทางกับราคา
ความหมาย: แม้ราคายังคงลงต่อเนื่อง แต่ MACD แสดงให้เห็นว่า โมเมนตัมขาลงกำลังอ่อนแอ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนว่า แรงขายกำลังหมดลงและมีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับตัวขึ้น ส่งผลให้หลังจาก Bullish Divergence เกิดขึ้น ราคาและแนวโน้มได้กลับตัวเป็นขาขึ้นตามที่เห็นในภาพครับ
ตารางสรุปเกี่ยวกับการใช้งาน MACD Divergence
พี่โบ้ได้ทำการสรุปการใช้งาน MACD Divergence ทั้งสองรูปแบบได้ ดังนี้
| ประเภท | การเคลื่อนไหวของราคา | ความหมาย | สัญญาณ |
| Bullish Divergence | ราคาทำ Lower Low ใหม่ | MACD ทำ Higher Low ใหม่ | แนวโน้มขาลงเริ่มอ่อนแรง → ราคาอาจกลับตัวขึ้น |
| Bearish Divergence | ราคาทำ Higher High ใหม่ | MACD ทำ Lower High ใหม่ | แนวโน้มขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง → ราคาอาจกลับตัวลง |
………..🐶………..
สำหรับเทรดเดอร์สายเทรดสั้น พี่โบ้ขอแนะนำการตั้งค่า MACD Indicator ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ เพื่อให้สามารถมองเห็นสัญญาณการกลับตัวและจังหวะการเข้าออกออเดอร์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น จากแนวทางการปรับตั้งค่าและการใช้งานได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้
………..🐶………..
การตั้งค่า MACD เทรดสั้น
ในหัวข้อนี้ เราจะแบ่งการเทรดสั้นออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ การเทรดแบบ Scalping และการเทรดแบบ Day Trading โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตั้งค่า MACD เทรดสั้นแบบ Scalping
เทคนิคสำหรับการเทรดแบบ Scalping
สำหรับเทคนิคการตั้งค่า MACD สำหรับการเทรดแบบ Scalping คือ การเพิ่ม Period ของเส้น EMA ให้มากขึ้น และจำเป็นต้องมากกว่าการเทรดแบบ Day Trading แต่ลด TF ให้เหลือแค่ 5 นาที เนื่องจากเราต้องการดูแนวโน้มที่ใหญ่ขึ้น เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ-ขายที่เล็กลง กลยุทธ์นี้เหมาะกับคู่เงิน EUR/USD, GBP/USD, GBP/JPY และ USD/JPY นอกจากนี้ คุณอาจใช้ Indicator ตัวอื่นเข้ามายืนยันสัญญาณให้ชัดเจนขึ้น
ตั้งค่า MACD เทรดสั้น Scalping
- เส้น EMA 34
- เส้น EMA 55
- MACD (34,89,34)
- Stochastic Oscillator (5,3,3)
- TF 5 นาที
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Buy ได้เปรียบ
- EMA 34 อยู่เหนือ EMA 55
- MACD อยู่เหนือ Center Line
- Stochastic ตัดเส้น 20 ขึ้นมา หรือตัด Oversold ขึ้นมา
- เกิด Bullish Divergence
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Sell ได้เปรียบ
- EMA 34 อยู่ต่ำกว่า EMA 55
- MACD อยู่ต่ำกว่า Center Line
- Stochastic ตัดเส้น 80 ลงมา หรือตัด Overbought ลงไป
- เกิด Bearish Divergence
ตั้งค่า MACD เทรดสั้นแบบ Day Trading
เทคนิคสำหรับการเทรดแบบ Day Trading
สำหรับเทคนิคการตั้งค่า MACD สำหรับการเทรดแบบ Day Trading คือ การเพิ่ม Period ของเส้น EMA ให้มากขึ้น โดยปกติ MACD จะใช้ EMA(12), EMA(26) และ EMA(9) แต่หากคุณต้องการตั้งค่า MACD เทรดสั้นควรใช้ EMA ใน Period ที่มากขึ้น เช่น EMA(24), EMA(52) และ EMA(9) จากนั้นลด TF ให้เหลือ 30 นาที นอกจากนี้ คุณอาจใช้ Indicator ตัวอื่นเข้ามายืนยันสัญญาณให้ชัดเจนขึ้น
ตั้งค่า MACD เทรดสั้น Day Trading
- MACD (24,52,9)
- เส้นค่าเฉลี่ย Smoothed Moving Average (SMMA) (365, Close)
- เพิ่ม Indicator มาอีกชนิด คือ Williams Percent Range (28)
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Buy ได้เปรียบ
- ราคาอยู่เหนือเส้น SMMA
- MACD อยู่ต่ำกว่า Center Line
- William % Range วกกลับขึ้นมาจากโซน -80
- เกิด Bullish Divergence
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Sell ได้เปรียบ
- ราคาอยู่ใต้เส้น SMMA
- MACD อยู่เหนือกว่า Center Line
- William % Range วกกลับลงมาจากโซน -20
- เกิด Bearish Divergence
MACD ใช้คู่กับอะไรดี?
เทรดเดอร์สามารถใช้ MACD คู่กับอินดิเคเตอร์ตัวอื่น เพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการเทรดครับ
- MACD กับ RSI
- MACD กับ Stochastic
- MACD กับ Bollinger Band
- MACD กับ Oscillator
📢 Traderbobo แนะนำ
เทรดเดอร์สามารถศึกษาอินดิเคเตอร์ตัวอื่นที่ถูกนำมาใช้ในตลาด Forex ได้เพิ่มเติม ในบทความด้านล่างนี้ เราได้รวบรวมเครื่องมือวิเคราะห์ทั้ง 10 ตัวที่ช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มและจังหวะการเข้าออกออเดอร์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
สรุปเกี่ยวกับการใช้งานอินดิเคเตอร์ MACD
MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดการแกว่งตัวและวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้ค่อนข้างแม่นยำ ทำให้ถูกขนานนามว่า “นักทำนายแนวโน้ม” ซึ่งมีแนวคิดมาจาก Indicator พื้นฐานอย่าง Moving Average โดยการใช้ Indicator MACD เราจะดู MACD Line และ Signal Line ประกอบกับ MACD Divergence เพื่อยืนยันสัญญาณการเข้าซื้อและขายให้แม่นยำมากที่สุด
นอกจากนี้ MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่ช่วยในการส่งสัญญาณล่วงหน้าว่า ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้เราติดตามกราฟราคาอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การใช้อินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ เข้ามาช่วยยืนยันสัญญาณให้ชัดเจนมากขึ้น เป็นทางเลือกที่ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้ด้านการลงทุนเท่านั้น และทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนลงทุนทุกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ MACD Indicator
MACD 12, 26, 9 คืออะไร?
MACD 12, 26, 9 เป็นการตั้งค่าพื้นฐานของการใช้อินดิเคเตอร์ MACD ครับ
MACD ใช้ดูจุดเข้าออเดอร์ Buy และ Sell ได้ไหม?
ได้ครับ เทรดเดอร์สามารถสังเกตจุดเข้าออเดอร์ได้จากการส่งสัญญาณของอินดิเคเตอร์ MACD เช่น การตัดกันของเส้น Signal Line และ MACD, การกลับตัวของเส้น MACD ว่า อยู่เหนือ/ใต้เส้นศูนย์ และ การเกิด Divergence
เส้นศูนย์ หรือ Zero Line ของ MACD มีความสำคัญอย่างไร?
เส้นศูนย์ถือเป็นตัวช่วยในการยืนยันแนวโน้มได้ดีครับ
MACD ให้สัญญาณหลอกไหม?
ได้ครับ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อินดิเคเตอร์ทุกตัวสามารถให้สัญญาณหลอกได้อยู่แล้ว และเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมาก, การเลือก TF ที่เล็กเกินไป ตลอดจนการเทรดในช่วงที่ตลาดเป็น Sideway ดังนั้น หากต้องการลดการเกิดสัญญาณหลอกเทรดเดอร์ควรดูโครงสร้างตลาดให้ดี รอสัญญาณเทรดที่ปรากฏอย่างชัดเจน และใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้
พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page



















