
ดัชนี PMI สัญญาณสำคัญที่สะท้อนถึงภาพรวมของภาคการผลิตและการบริการ อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยให้เทรดเดอร์จับจังหวะตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น 📈
PMI คืออะไร? ในยุคปัจจุบันที่ตลาดการลงทุนไม่สามารถคาดการณ์ได้ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องมีเข็มทิศนำทางและสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าอย่าง ดัชนี PMI เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจและสามารถปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ บทความนี้พี่โบ้จึงจะพาคุณไปสำรวจความหมายและความสำคัญของ PMI พร้อมเจาะลึกว่าข้อมูลจากดัชนีนี้จะช่วยนำทางให้คุณได้อย่างไร
*หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและเพื่อการศึกษาเท่านั้น อีกทั้งการลงทุนทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
ดัชนี PMI คืออะไร?
PMI หรือดัชนี PMI (ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ) ย่อมาจาก Purchasing Managers Index โดยดัชนีดังกล่าว เป็นดัชนีที่ใช้วัดสภาวะการขยายหรือหดตัวของภาคการผลิตและบริการของเศรษฐกิจ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ รวมถึงยังช่วยบ่งบอกแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต ทำให้ดัชนี PMI สามารถแบ่งออกเป็น 2 ภาคส่วนหลัก ๆ คือ ดัชนีภาคการผลิตและดัชนีภาคบริการครับ
ดัชนี PMI จัดทำโดยใคร?
เดิมทีแล้วดัชนี PMI ถูกจัดทำขึ้น โดยหลายองค์กร ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและประเทศนั้น ๆ แต่จะมีองค์กรหลัก ๆ ที่จัดทำดัชนี PMI ที่คุณควรรู้ครับ
- ISM หรือ ISM Manufacturing PMI
- S&P Global (เดิมคือ IHS Markit)
- Caixin Media Company Ltd
สำหรับดัชนี PMI ของประเทศไทยจะถูกจัดทำขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับ Markit Economics (ปัจจุบันควบรวมกิจการกับ S&P Global Market Intelligence) และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งประเทศไทยครับ
ดัชนี PMI ของประเทศไหนสำคัญที่สุด?
ดัชนี PMI ของแต่ละประเทศล้วนมีความสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น แต่รู้ไหมครับว่า PMI ที่สำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ควรติดตามมี 5 ประเทศด้วยกัน ดังนี้
- ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดทำโดย ISM Manufacturing PMI
- ประเทศจีน จัดทำโดย Caixin และ Official PMI
- ประเทศโซนยุโรป จัดทำโดย Eurozone Manufacturing PMI
- ประเทศญี่ปุ่น จัดทำโดย Jibun Bank Japan PMI
- ประเทศเยอรมนี จัดทำโดย S&P Global Germany PMI
ดัชนี PMI ของสหรัฐที่จัดทำขึ้นโดย ISM Manufacturing PMI เป็นดัชนีที่เทรดเดอร์มีการติดตามมากที่สุด เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า ขนาดเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐมีขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลต่อตลาดการเงินทั่วโลก
PMI มีกี่ประเภทและมีองค์ประกอบอะไรบ้าง?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ส่วนประกอบของ PMI จะมาจากดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการครับ โดยทั้งสองภาคส่วนจะมีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบหลักที่นำมาคิดคำนวณ ดังนี้
- ยอดคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders)
- ปริมาณสินค้าคงคลัง (Stock of Items Purchased)
- เวลาการจัดส่งของซัพพลาย (Suppliers’ Delivery Times)
- การจ้างงาน (Employment)
- ผลผลิต (Production)
แม้พี่โบ้จะบอกว่า ทั้งสองภาคส่วนมีการคำนวณจาก 5 องค์ประกอบหลักเหมือนกัน แต่รู้ไหมครับว่า เปอร์เซ็นต์และน้ำหนักในการคิดคำนวณของแต่ละภาคส่วนมีความแตกต่างกัน เพราะภาคการผลิตย่อมมีความแตกต่างจากภาคบริการอยู่แล้วครับ
ประเภทของ PMI ที่เทรดเดอร์ควรรู้!
ส่วนประกอบหลักของ PMI แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ดัชนี PMI ด้านการผลิต (Manufacturing PMI)
คือ ดัชนีนี้จะสะท้อนภาคการผลิตและแนวโน้มด้านการผลิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- ดัชนี PMI ฝ่ายจัดซื้อด้านการบริการ (Non-Manufacturing PMI)
คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ ที่จะสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจในภาคบริการ
หากคุณอยากจะเข้าใจดัชนี PMI อย่างชัดเจน คุณจำเป็นจะต้องเข้าใจหลักการตีความหมายค่า PMI ก่อนครับ เพราะหลักการเหล่านี้ จะช่วยให้คุณนำตัวเลขไปตีความและนำไปใช้งานต่อได้
หลักการตีความหมายค่า PMI ที่ต้องทำความเข้าใจ

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่า ทั้งสองดัชนีที่กล่าวไปข้างต้นจะมีค่าตั้งแต่ 0-100 โดยตัวเลขของดัชนีต่าง ๆ จะบ่งบอกสิ่งเหล่านี้ครับ
- ค่าดัชนี PMI > 50 แสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคส่วนนั้น ๆ กำลัง ขยายตัว
- ค่าดัชนี PMI = 50 แสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ คงที่ หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทางเศรษฐกิจ
- ค่าดัชนี < 50 แสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลัง หดตัว
และถ้าหากคุณอยากทราบการประมาณค่า PMI ล่วงหน้า เพื่อนำมาคาดการณ์และวางแผนการเทรด คุณจำเป็นจะต้องติดตาม ดัชนี Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI เพิ่มเติมครับ
Flash Manufacturing PMI คืออะไร?
Flash Manufacturing PMI คือ ค่าประมาณล่วงหน้าของดัชนีผู้จัดการจัดซื้อภาคการผลิตของแต่ละประเทศ โดยข้อมูลจากการคาดการณ์จะมาจากผลตอบแบบสำรวจของเดือนนั้น ๆ โดยจะอ้างอิงข้อมูล 85% – 95% ของแบบสำรวจดังกล่าว
Flash Services PMI คืออะไร?
Flash Services PMI คือ ข้อมูลเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริการที่ถูกประมาณการล่วงหน้า ก่อนจะมีการเผยแพร่ข้อมูลจริง โดยครอบคลุมธุรกิจบริการประเภทต่าง ๆ เช่น ธนาคาร ขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร และบริการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตครับ
ทำให้ Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่บ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจ และเป็นตัวช่วยให้นักลงทุน สามารถคาดการณ์แนวโน้มและทิศทางของเศรษฐกิจ ก่อนที่จะมีการประกาศ PMI อย่างเป็นทางการครับ
แบบสอบถาม Flash PMI คืออะไร?
แบบสอบถาม Flash PMI คือ แบบสอบถามดัชนี PMI ที่จะถูกส่งให้ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อในบริษัทต่าง ๆ หลายพันบริษัทหรืออาจถึงหมื่นบริษัท โดยคำถามจะเกี่ยวข้องกับ 5 ตัวแปรหลัก ได้แก่ คำสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน สินค้าคงคลัง เวลาการจัดส่งของซัพพลาย และผลผลิต
ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามจะต้องตอบว่า แต่ละตัวแปรนั้น เพิ่มมากขึ้น, ลดลง หรือเท่าเดิม เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยทั้งภาคผลิตและภาคบริการจะได้รับแบบสอบถามที่มีคำถามคล้ายคลึงกัน แต่จะแตกต่างกันไปตามภาคส่วนครับ
วิธีการคำนวณดัชนี PMI โดยรวม
เมื่อคุณทราบการตีความหมายของค่า PMI แล้ว ทีนี้มาดูการคำนวณคะแนนถ่วงน้ำหนักกันครับ การคำนวณหาค่า PMI นั้น จะมาจากการนำดัชนี PMI ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายบริการมารวมกันและถ่วงน้ำหนัก ซึ่งจะสามารถคำนวณมาจากสูตร ดังต่อไปนี้

ความหมายของตัวแปร
- P1 = เปอร์เซ็นต์ของการตอบแบบสอบถามที่เพิ่มขึ้น (ขยายตัว)
- P2 = เปอร์เซ็นต์ของการตอบแบบสอบถามที่ไม่มีการเปลี่ยน (คงที่)
- P3 = เปอร์เซ็นต์ของการตอบแบบสอบถามที่มีตัวเลขลดลง (หดตัว)
*หมายเหตุ: เปอร์เซ็นต์จากแบบสำรวจตัวแปรดังกล่าว มาจากการเปรียบเทียบกับข้อมูลของเดือนก่อนหน้า
ตัวอย่างการคำนวณหาค่า PMI
ในเดือนนี้มีการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิต พบว่าทางฝั่งของยอดคำสั่งซื้อใหม่ได้ผลลัพธ์ ดังนี้
- ผู้ตอบแบบสำรวจ 60% รายงานว่ายอดสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น (P1 = 60%) > นำไปแปลงเป็นทศนิยมได้ 0.60
- ผู้ตอบแบบสำรวจ 20% รายงานว่ายอดสั่งซื้อใหม่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (P2 = 20%) > นำไปแปลงเป็นทศนิยมได้ 0.20
- ผู้ตอบแบบสำรวจ 10% รายงานว่ายอดสั่งซื้อใหม่ ลดลง (P3 = 10%) > นำไปแปลงเป็นทศนิยมได้ 0.10
จากตัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้นสามารถแทนลงในสูตรการคำนวณหาค่า PMI ได้ดังนี้
- PMI = (0.60×1) + (0.20×0.5) + (0.10×0)
- PMI = 0.60+0.10+0
- PMI = 0.70
เมื่อได้ค่าดังกล่าวแล้ว ให้นำไปคูณด้วย 100 เพื่อแปลเป็นค่าดัชนี PMI จะได้เท่ากับ 0.70 x 100 = 70 นั่นเท่ากับว่า “ยอดสั่งซื้อใหม่” คือ 70 ซึ่งมีค่ามากกว่า 50 แสดงให้เห็นว่า ภาคการผลิตด้านคำสั่งซื้อใหม่ กำลังมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นครับ
ทำไมต้องติดตามข่าว PMI?

ข่าว PMI เป็นข่าวเกี่ยวกับการชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากสามารถบ่งบอกได้ถึงภาพรวมของทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ และที่สำคัญข่าว PMI จะออกเร็วกว่าข่าวเศรษฐกิจอื่น ๆ ทำให้การติดตามข่าวดังกล่าว จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนและปรับกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างทันท่วงทีครับ
ดังนั้นแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อมีการประกาศข่าว PMI ออกมาแต่ละครั้ง ตลาดการลงทุนก็เกิดความเคลื่อนไหวตามไปด้วยเช่นกัน เมื่อคุณเห็นความสำคัญของการติดตามข่าว PMI แล้ว พี่โบ้จะพาไปดูผลกระทบของดัชนี PMI ต่อตลาดการลงทุนกันครับ
📢 Traderbobo แนะนำ
นอกจาก ข่าว PMI ที่เทรดเดอร์ Forex ต้องจับตามองแล้ว ยังมี ข่าวเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ อีกมากมายที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด มาดูกันว่ามีข่าวอะไรบ้างที่คุณต้องระวัง 👇📈
PMI ส่งผลต่อตลาดการลงทุนอย่างไร?
เพื่อให้เห็นภาพผลกระทบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นพี่โบ้จะขอแบ่งตามตลาดการลงทุน ดังนี้
ตลาดการลงทุน | PMI ขยายตัว (ค่า PMI มากกว่า 50) | PMI หดตัว (ค่า PMI น้อยกว่า 50) |
ตลาดฟอเร็กซ์ | เมื่อ PMI ขยายตัว อาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ทำให้ความต้องการสกุลเงินของประเทศนั้นเพิ่มขึ้น และส่งผลให้สกุลเงิน แข็งค่าขึ้น ด้วย | ธนาคารกลางอาจพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง จะทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง ตามไปด้วย |
ตลาดหุ้น | นักลงทุนมักจะมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้เกิดแรงซื้อในตลาดหุ้น และราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง | ความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจะเพิ่มขึ้น และนักลงทุนอาจเทขายหุ้น หรือชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลดลง |
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ | โรงงานมีการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการวัตถุดิบและพลังงานเพิ่มขึ้นตาม น้ำมัน โลหะ หรือวัตถุดิบทางการเกษตร จะเป็นที่ต้องการ สิ่งนี้จะส่งผลให้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น | บ่งชี้ถึงการลดลงของการผลิต ความต้องการวัตถุดิบจะลดลง ส่งผลให้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มลดลง |
นอกจากดัชนี PMI จะส่งผลต่อตลาดการลงทุนแล้ว รู้หรือไม่ครับว่า PMI ที่ขยายตัวหรือหดตัว ก็ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายทางการเงินของสหรัฐด้วยเช่นกันแหละครับ
ความสัมพันธ์ของ PMI และการกำหนดนโยบายทางการเงิน
PMI ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการกำหนดทิศทางของนโยบายการเงิน เพราะหาก PMI สื่อถึงการเติบโตของเศรษฐกิจที่พุ่งสูงอาจนำไปสู่การเกิดภาวะเงินเฟ้อ และตามมาด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว
ในทางกลับกัน หาก PMI เกิดการหดตัว ก็อาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยหรือการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วครับว่า การตัดสินใจเหล่านี้ล้วนแต่มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดการลงทุนในวงกว้างอย่างแน่นอน
ข่าว PMI ติดตามได้จากที่ไหน?
เทรดเดอร์สามารถติดตามข่าว PMI ได้จากหลากหลายช่องทางและตามเว็บไซต์เกี่ยวกับการลงทุนครับ
สรุปดัชนี PMI คืออะไร ทำไมเทรดเดอร์ต้องติดตามข่าว
ดัชนี PMI เป็นดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตและภาคบริการ ที่มีความสำคัญต่อตลาดการเงิน เนื่องจากดัชนีดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสภาวะของเศรษฐกิจในช่วงปัจจุบันและแนวโน้มของเศรษฐกิจในอนาคตโดยตรงและยังเปรียบเหมือน สัญญาณแรก ที่บอกเล่าเรื่องราวของเศรษฐกิจในแต่ละเดือน ดังนั้น หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ลงทุนในตลาดการลงทุน การติดตามข่าว PMI ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้ามนั่นเองครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดัชนี PMI
1. ดัชนี PMI วัดอะไรบ้าง?
PMI วัดกิจกรรมทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ เช่น ยอดคำสั่งซื้อใหม่, ผลผลิต, การจ้างงาน, เวลาในการจัดส่งสินค้า และปริมาณสินค้าคงคลังครับ
2. ข่าว PMI วันนี้ติดตามได้ที่ไหน?
ข่าว PMI จะไม่ประกาศเป็นรายวันเหมือนกับข่าวที่เราสามารถติดตามได้ทั่วไป แต่ข่าว PMI จะมีการประกาศเป็นรายเดือน ซึ่งคุณสามารถติดตามประกาศได้ตามช่องทางต่อไปนี้
- Investing.com
- S&P Global
- Forex Factory
3. ดัชนี PMI ภาคการผลิตคืออะไร?
ดัชนี PMI ภาคการผลิต คือ ดัชนีที่สะท้อนถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมและการผลิต ในประเทศนั้น ๆ โดยดัชนีดังกล่าวได้มาจากการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า
4. ดัชนี PMI ภาคการบริการคืออะไร?
ดัชนี PMI ภาคการบริการ คือ ดัชนีที่สะท้อนถึงภาพรวมของภาคการบริการ ในประเทศนั้น ๆ โดยดัชนีนี้จะได้มาจากการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือผู้บริหารในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต่าง ๆ
5. PMI ย่อมาจากอะไร?
PMI ย่อมาจาก Purchasing Managers Index ครับ
6. ดัชนี PMI ประเทศไทยเผยแพร่บ่อยไหม?
ความถี่ของการเผยแพร่ดัชนี PMI ของประเทศ จะเท่ากับการเผยแพร่ดัชนี PMI ของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกครับ นั่นคือ จะเผยแพร่หนึ่งเดือนต่อครั้ง โดยระยะเวลาในการเผยแพร่จะมีช่วงเวลา ดังนี้
- PMI ภาคการผลิต (Manufacturing PMI) เผยแพร่วันทำการแรกของแต่ละเดือน
- PMI ภาคบริการ (Services PMI) เผยแพร่วันทำการที่สามของแต่ละเดือน
- PMI รวมทุกภาคส่วน เผยแพร่วันทำการที่สามของแต่ละเดือน
7. ISM Manufacturing PMI คืออะไร?
ISM Manufacturing PMI คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐอเมริกา ที่จัดทำโดย ISM (Institute for Supply Management)
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้
พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page