
Futures Trading คือ สัญญาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเป็นการกำหนดราคาในวันนี้ แต่จะส่งมอบของในอนาคต ตอบโจทย์สำหรับสายเก็งกำไรที่มองหาโอกาสในทุกจังหวะของตลาด🔥
การลงทุนในหุ้นยังคงเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนไทย เนื่องจากมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ถือหุ้นรายตัวมักเผชิญกับข้อจำกัดด้านการทำกำไร เพราะจะได้รับผลตอบแทนก็ต่อเมื่อราคาหุ้น “ขึ้น” เท่านั้น ทำให้ในช่วงตลาดขาลง นักลงทุนจำนวนไม่น้อยมักเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านโอกาสทำกำไรและการป้องกันความเสี่ยง เช่น DW และ Options
แต่ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่สามารถ เก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง, ใช้เงินลงทุนต่ำกว่าแต่ควบคุมสัญญาขนาดใหญ่ได้ อีกทั้งยังสามารถอ้างอิงราคาได้จากสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งดัชนี, SET50, ทองคำ, น้ำมัน และหุ้นรายตัว การเทรด “Futures” อาจเป็นคำตอบของคุณ โดย Futures Trading ไม่เพียงเป็นทางเลือกในการทำกำไรในทุกสภาวะตลาด แต่ยังเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะทั้งสำหรับนักลงทุนสายเทรดและผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตหุ้น 🔥
. . . . . . . . . . . . . . .
ในบทความนี้ พี่โบ้จะมาอธิบายอย่างละเอียดว่า การเทรด Futures คืออะไร? และคุณควรรู้อะไรบ้างก่อนเริ่มต้นลงทุน พร้อมยกตัวอย่างการซื้อขาย Futures ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์ เนื่องจากสามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง หลายคนอาจมองว่า Futures เป็นเรื่องซับซ้อน และมีความเสี่ยงสูง แต่ในความเป็นจริง หากเข้าใจหลักการและบริหารความเสี่ยงเป็น Futures ก็เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างโอกาสเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตของคุณ
ที่สำคัญ Futures ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์มักใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการลงทุนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และบทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น มิได้มีเจตนาเพื่อแนะนำให้ลงทุนแต่อย่างใด
. . . . . . . . . . . . . . .
⭐ Step1 : สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่มเทรด ⭐
คำศัพท์ที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่มเทรด Futures
คำศัพท์ | ความหมาย | คำอธิบายเพิ่มเติม |
Futures Contract | สัญญาซื้อขายล่วงหน้า | เป็นสัญญาที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันล่วงหน้าว่าจะซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงในปริมาณและราคาที่กำหนด ณ วันที่ในอนาคต |
Underlying Asset | สินทรัพย์อ้างอิง | ในตลาด Futures ไทย มักอ้างอิงกับดัชนี SET50 Index, ทองคำ หรือสินค้าเกษตรบางประเภท |
Long Position | สถานะของผู้ซื้อ Futures | คาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัว “สูงขึ้น” จึงเปิดสถานะซื้อ |
Short Position | สถานะของผู้ขาย Futures | คาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะปรับตัว “ลดลง” จึงเปิดสถานะขาย |
Symbol | สัญลักษณ์ของสัญญา Futures | ตัวอย่างเช่น S50M25 หมายถึง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงดัชนี SET50 หมดอายุในเดือนมิถุนายน ปี 2025 (ตามมาตรฐานสากลของ Futures : M = เดือนมิถุนายน) |
Last Trading Date | วันซื้อขายวันสุดท้าย | วันที่สุดท้ายที่สามารถซื้อขายสัญญานั้น ๆ ได้ ก่อนถึงวันส่งมอบ |
Settlement Price | ราคาชำระราคาสุดท้าย | ราคาที่ใช้คำนวณกำไร/ขาดทุนในวันสุดท้ายเมื่อครบกำหนดสัญญา |
Margin | เงินวางหลักประกัน | เงินที่เทรดเดอร์ต้องวางไว้เพื่อค้ำประกันการเปิดสถานะในตลาด Futures โดยมีทั้ง Initial Margin และ Maintenance Margin |
Leverage | อัตราทดในการลงทุน | Futures ใช้เงินลงทุนต่ำกว่ามูลค่าที่ควบคุม ทำให้มีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกัน |
Mark to Market (MTM) | การประเมินมูลค่ารายวัน | กำไรหรือขาดทุนจะถูกคำนวณ ณ สิ้นวันซื้อขายแต่ละวัน ตามราคาปิดของสัญญา Futures และอัปเดตเงินในบัญชี Margin ของคุณ |
Open Interest | จำนวนสัญญาคงค้าง | แสดงถึงความสนใจของนักลงทุนในสัญญานั้น ๆ หาก Open Interest สูง แสดงว่าตลาดมีสภาพคล่องดี |
Volume | ปริมาณการซื้อขาย | จำนวนครั้งที่มีการซื้อขายสัญญา Futures ในช่วงเวลาหนึ่ง สะท้อนถึงความนิยมและแรงซื้อขายในตลาด |
Tick Size | หน่วยการเปลี่ยนแปลงของราคา | เช่น SET50 Futures มี Tick Size = 0.1 จุด คิดเป็นมูลค่า 20 บาท |
Tick Value | มูลค่าที่เปลี่ยนแปลงต่อ Tick | ใน SET50 Futures แต่ละ Tick เท่ากับ 200 บาท ต่อ 1 สัญญา |
Hedging | กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง | นักลงทุนสามารถใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิงได้ เช่น การใช้ Futures ป้องกันการขาดทุนจากหุ้นที่ถืออยู่ |
Speculation | การเก็งกำไรจากราคาขึ้นหรือลง | นักลงทุนที่มองทิศทางราคาจะเปิดสถานะ Long หรือ Short เพื่อหาจุดทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต |
Basis | ส่วนต่างระหว่างราคา Spot และ Futures | ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจความสัมพันธ์ของราคาปัจจุบันกับราคาในอนาคต |
Cash Settlement | การชำระราคาเป็นเงินสด | Futures ส่วนใหญ่ในตลาดไทย เช่น SET50 จะไม่มีการส่งมอบสินค้าจริง แต่จะต้องชำระกำไร/ขาดทุนเป็นเงินสด ยกเว้นบางสัญญา เช่น Rubber Futures ที่มีการส่งมอบสินค้าจริง |
Expiration Date | วันหมดอายุของสัญญา Futures | วันที่สัญญาจะสิ้นสุดอายุ โดยหลังจากวันดังกล่าวจะไม่สามารถซื้อขายสัญญานั้นได้อีก |
. . . . . . . . . . . . . . .
⭐ Step2 : ทำความรู้จักกับการเทรด Futures ⭐
การเทรด Futures คืออะไร? มีลักษณะอย่างไร?

ฟิวเจอร์ส (Futures) คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เป็นหนึ่งในตราสารอนุพันธ์ และคุณสามารถเป็นได้ทั้ง “ผู้ซื้อ (Long Position)” และ “ผู้ขาย (Short Position)” โดยตกลงราคาซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงกันล่วงหน้า ณ เวลาปัจจุบัน แต่จะมีการส่งมอบกันในอนาคต
Futures จึงเป็นเครื่องมือที่สามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงที่ตลาดกำลัง ขาขึ้น และ ขาลง เพราะคุณสามารถเลือกสถานะที่ตรงกับมุมมองตลาดของคุณได้ โดยไม่จำเป็นต้องถือสินทรัพย์จริง และยังใช้ต้นทุนต่ำกว่า เมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นแบบปกติ เพราะใช้หลักการวาง Margin (เงินประกัน) แทนการจ่ายเต็มจำนวน
ในประเทศไทย การซื้อขายแบบ Futures จะทำผ่านตลาด TFEX ซึ่งรองรับทั้ง SET50 Index Futures (ที่อ้างอิงดัชนีหุ้นชั้นนำ) และ Futures ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์อื่น เช่น ทองคำ หรือค่าเงินบาท
หมายเหตุ: อนุพันธ์ (Derivatives) คือ สัญญาทางการเงินที่ทำขึ้นเพื่อให้สิทธิในการซื้อหรือขาย “สินค้าอ้างอิง” (Underlying Asset) เช่น ดัชนี, หุ้น หรือสินค้าโภคภัณฑ์
สินค้าอ้างอิงของ Futures คืออะไร?
สินค้าอ้างอิงของ Futures คือ ตัวกำหนดมูลค่าของสัญญาฟิวเจอร์สที่คุณทำการซื้อขาย ว่าจะเคลื่อนไหวขึ้นหรือลงตามสินทรัพย์ใด ซึ่งปัจจุบันการเทรด Futures ในประเทศไทยสามารถอ้างอิงได้หลากหลาย ไม่ได้จำกัดแค่ดัชนีเท่านั้น
ตัวอย่างสินค้าอ้างอิงของ Futures ที่ได้รับความนิยมในตลาด TFEX ได้แก่
▪ ดัชนี SET50 (SET50 Index Futures)
▪ หุ้นรายตัว เช่น PTT, KBANK, ADVANC (Single Stock Futures)
▪ ทองคำแท่ง 96.5% (Gold Futures)
▪ อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB (USD Futures)
ข้อดีของการเทรดสัญญา Futures คืออะไร?
|
|
|
|
|
|
|
ความเสี่ยงของการเทรด Futures คืออะไร?
|
|
|
|
ความแตกต่างระหว่าง Futures กับ Options
Futures | Options | |
ประเภทของสัญญา | สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ซื้อ/ขาย) | สิทธิซื้อ (Call) และสิทธิขาย (Put) |
สถานะของผู้ใช้สัญญา | ผู้ซื้อ (Long) และผู้ขาย (Short) | ผู้ซื้อสิทธิ (Long) และผู้ขายสิทธิ (Short) |
สินค้าอ้างอิง | สินค้าอ้างอิง เช่น ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้น | ดัชนี SET50 หรือหุ้นรายตัว |
การกำหนดเงื่อนไขสัญญา | กำหนดโดยตลาด TFEX หรือโบรกเกอร์ | กำหนดโดยตลาด TFEX |
การใช้สิทธิ | บังคับส่งมอบในวันครบกำหนดสัญญา | สามารถเลือกใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้ (Options ใน TFEX ส่วนใหญ่เป็นแบบ European Style คือใช้สิทธิได้เฉพาะวันหมดอายุ) |
ผลตอบแทนที่จะได้รับ | กำไร/ขาดทุนจากความแตกต่างของราคา | กำไร/ขาดทุนจากสิทธิและค่าพรีเมียม |
ลักษณะและข้อกำหนดของ SET50 Index Futures
สินค้าอ้างอิง (Spot Price) | ดัชนี SET50 Index ที่คำนวณและเผยแพร่โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย |
ตัวคูณดัชนี (Lot Size) | 200 บาท ต่อ 1 จุด หมายเหตุ: เมื่อคุณซื้อหรือขาย Futures จำนวน 1 สัญญา การคิดกำไรขาดทุนต้องทำการคูณด้วย 200 ทุกครั้ง |
เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ |
*หมายเหตุ: ส่งมอบในวันทำการวันสุดท้ายของแต่ละเดือน และสัญญาจะสิ้นสุดเวลา 16.30 น. |
ช่วงเวลาซื้อขายขั้นต่ำ | 0.1 จุด |
การเปลี่ยนแปลงของราคาสูงสุดแต่ละวัน | ± 30% ของระดับที่ดัชนี SET50 Index ปิด ณ วันซื้อขายก่อนหน้า |
เวลาซื้อขาย | Pre Open 9.15 – 9.45 น. (เวลาไทย) Morning Session 9.45 – 12.30 น. (เวลาไทย) Pre Open 14.00 – 14.30 น. (เวลาไทย) Afternoon Session 14.30 – 16.55 น. (เวลาไทย) |
ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย | ไม่เกิน 10 บาทต่อสัญญา โดยเรียกเก็บทั้ง Long และ Short หมายเหตุ : ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และโปรโมชันในแต่ละช่วงเวลา โปรดตรวจสอบกับโบรกเกอร์ของคุณอีกครั้ง |
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา Futures คืออะไร?

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการขึ้นหรือลงของราคา Futures สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ปัจจัยหลัก โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ราคาสินค้าอ้างอิง (Spot Price)
- อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates)
- เงินปันผลของสินค้าอ้างอิง (Dividend)
- ระยะเวลาที่เหลืออยู่จนถึงวันครบกำหนดอายุ (Time to Maturity)
- ความผันผวนของสินค้าอ้างอิง (Volatility)
- ปัจจัยอื่น ๆ (Other Factors)
ปัจจัย | ผลกระทบต่อราคา Futures |
ราคาสินค้าอ้างอิง (Spot Price) | ราคาสินค้าอ้างอิงที่สูงขึ้นจะทำให้ราคาฟิวเจอร์สสูงขึ้น และเมื่อราคาสินค้าอ้างอิงลดลง ราคาฟิวเจอร์สก็จะลดลงตาม |
อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates) | เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาฟิวเจอร์สมักจะสูงขึ้น เพราะต้นทุนการถือครอง (Cost of Carry) เพิ่มขึ้น |
เงินปันผลของสินค้าอ้างอิง (Dividend) | หากสินค้าอ้างอิงเป็นหุ้นหรือดัชนีที่จ่ายเงินปันผลสูงขึ้น ราคาฟิวเจอร์สจะปรับลดลง เพราะเงินปันผลเป็นผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นจริงจะได้รับ แต่ผู้ถือสัญญา Futures ไม่ได้รับในส่วนนี้ |
ระยะเวลาที่เหลืออยู่จนถึงวันครบกำหนดอายุ (Time to Maturity) | หากยังมีเวลาอีกนาน ราคาฟิวเจอร์สจะสูงขึ้นตามต้นทุนการถือครอง (ขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์) แต่หากยิ่งใกล้วันหมดอายุ ราคาฟิวเจอร์สจะเข้าใกล้ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิงมากขึ้น |
ความผันผวนของสินค้าอ้างอิง (Volatility) | ความผันผวนส่งผลต่อราคา Futures น้อยกว่า Options เพราะ Futures ราคาจะขึ้นลงตามราคาสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง |
ปัจจัยอื่น ๆ (Other Factors) | เช่น ภาวะอุปสงค์อุปทาน, ข่าวสารตลาด หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ สามารถส่งผลต่อราคาฟิวเจอร์สได้เช่นกัน |
สัญลักษณ์ที่ใช้ซื้อขาย Futures
ในการเทรด Futures เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่ใช้ในการซื้อขาย เพื่อที่คุณจะได้เลือกลงทุนอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในตลาด TFEX จะมีชื่อย่อหรือสัญลักษณ์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ตัวอย่างสัญลักษณ์
- S50M25 คือ สัญญา Futures ที่อ้างอิงดัชนี SET50 หมดอายุเดือนมิถุนายน ปี 2025
- S50Z24 คือ สัญญา Futures ที่อ้างอิงดัชนี SET50 หมดอายุเดือนธันวาคม ปี 2024
โดยแต่ละตัวย่อมีความหมาย ดังนี้
สัญลักษณ์ | ความหมาย |
S50 | สินค้าอ้างอิง คือ SET50 Index |
H / M / U / Z | รุ่นของ Futures ซึ่งจะบ่งบอกถึงเดือนในการส่งมอบ (หมดอายุ) โดยแบ่งตามไตรมาสทุก 3 เดือน
|
25 (เลข 2 หลักสุดท้าย) | ปีที่ส่งมอบ (หมดอายุ) เช่น 25 = ปี 2025 |
Futures | บ่งบอกประเภทของสัญญา คือ สัญญา Futures |
. . . . . . . . . . . . . .
⭐ Step3 : ตัวอย่างการเทรด Futures ในสนามจริง ⭐
สำหรับตัวอย่างการเทรด เพื่อจำลองการลงสนามจริง เราจะแบ่งการอธิบายออกเป็น 6 หัวข้อหลัก เพื่อความเข้าใจง่าย และเป็นแนวทางในการเทรด Futures ของคุณ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เลือกลงทุนใน Futures
- การคิดต้นทุนของการเปิดสัญญา Futures
- การคิดกำไรและขาดทุนในการเทรด Futures
- กลยุทธ์การเทรด Futures
- ลักษณะของสัญญา Futures
- ตัวอย่างการซื้อขาย Futures
1. ขั้นตอนการเลือกลงทุนใน Futures
- เลือก Underlying หรือ ดัชนี SET50 Index ที่คุณสนใจ
- วิเคราะห์กราฟราคาดัชนี SET50 Index ว่า คุณควรเทรดไปในทิศทางใด (Long หรือ Short)
- เลือกรุ่นของสัญญา Futures ซึ่งจะบ่งบอกว่าสัญญาจะหมดอายุในวันและเดือนใด
- กำหนดจำนวนสัญญาที่คุณต้องการเปิดตามแผนการลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
2. การคิดต้นทุนของ Long Futures และ Short Futures
Long Futures และ Short Futures | |
ต้นทุนที่ต้องจ่าย (Total Cost) |
|
การวางหลักประกัน (Margin) | ต้องวางหลักประกันตามมูลค่าของสัญญา และอาจต้องเพิ่มหากมูลค่าตลาดเปลี่ยนแปลง |
กำไรที่ได้รับ (Profit) | รับกำไรเมื่อราคาสินค้าอ้างอิงปรับตัวขึ้น และปิดสัญญาหรือหมดอายุสัญญา |
โดยสรุปคือ ทั้ง Long และ Short Futures มีต้นทุนหลักเหมือนกัน แต่กำไรจะขึ้นอยู่กับทิศทางราคาสินค้าอ้างอิงที่คุณถือสัญญาไว้นั่นเองครับ
3. การคิดกำไรและขาดทุนในการเทรด Futures
การคิดกำไรและขาดทุนจะขึ้นอยู่กับราคาสินค้าอ้างอิง ณ จุดเปิดและปิดสัญญา รวมถึงขนาดของสัญญา (Lot Size) โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กำไรและขาดทุนสูงสุดของแต่ละสัญญา Futures
- จุดคุ้มทุนของสัญญา Futures
- สูตรการคิดกำไรขาดทุนของสัญญา Futures
1. กำไรและขาดทุนสูงสุดของแต่ละสัญญา Futures
กำไรสูงสุด | ขาดทุนสูงสุด | |
Long Futures | ไม่จำกัด | ไม่จำกัด |
Short Futures | ไม่จำกัด | ไม่จำกัด |
2. จุดคุ้มทุนของแต่ละสัญญา Futures
จุดคุ้มทุน = ราคาสินค้าอ้างอิง ณ จุดเปิดสัญญา
3. สูตรการคิดกำไรขาดทุนของสัญญา Futures
กำไรขาดทุน | |
Long Futures | (ราคาปิดสัญญา – ราคาต้นทุน) × ขนาดสัญญา (Lot Size) |
Short Futures | (ราคาต้นทุน – ราคาปิดสัญญา) × ขนาดสัญญา (Lot Size) |
- ราคาต้นทุน คือ ราคาที่เปิดสัญญา Futures
- ราคาปิดสัญญา คือ ราคาที่ปิดสัญญา Futures
- กำไรและขาดทุนไม่มีจำกัด เพราะราคาสินค้าอ้างอิงสามารถขึ้นหรือลงได้ตลอดเวลา
*หมายเหตุ: สูตรนี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมและภาษี โปรดคำนวณต้นทุนรวมก่อนตัดสินใจเทรด
4. กลยุทธ์การเทรด Futures
1. ใช้เทคนิคการเทรด Futures แบบทั่วไป
ถือสัญญาจนหมดอายุ (Hold to Expiration) | กรณีใช้สิทธิก่อนหมดอายุ Futures (Trading) | |
ระยะเวลาการถือสัญญา |
|
|
วัตถุประสงค์ |
|
|
การเตรียมตัวที่สำคัญ |
|
|
2. ใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยง
แม้ว่าจะต้องวางหลักประกัน (Margin) ในการเทรด Futures และมีความเสี่ยงที่อาจจะขาดทุน แต่ Futures ก็ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากในการใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน หรือเพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
กรณีตลาดเป็น Sideway เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์อื่น ๆ ร่วมด้วยได้ ดังนี้
- ใช้ Futures สร้างกลยุทธ์ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดไม่แน่นอน
- วางแผนเปิดสถานะในทิศทางตรงข้ามกับพอร์ตหลัก เพื่อรักษาสมดุลในช่วงที่ราคายังไม่ไปในทิศทางใดแน่ชัด
- หากคุณถือหุ้นรายตัวในกลุ่ม SET50 ที่มีแนวโน้มเข้าสู่ Sideway คุณสามารถใช้ Futures ในการเปิดสถานะฝั่ง Short หรือ Long ตามการวิเคราะห์เทคนิค เพื่อเพิ่มโอกาสในการเทรดและทำกำไรระยะสั้น หรือลดความเสียหายจากต้นทุนการถือหุ้น
ทั้งนี้ เมื่อราคาสินค้าอ้างอิงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ แบบไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideway) การเทรด Futures แบบ Short-Term Trading อาจนำไปสู่การขาดทุนบ่อยครั้งจากการถูกกระทบด้วย Stop Loss หรือแรงเหวี่ยงของราคา แม้จะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ตาม
3. การใช้ Futures ในกรณีอื่น ๆ
- ทำกำไรจากการลดลงของราคาได้ ได้โดยการเปิดสถานะ Short
- ใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน
- ทำการป้องกันความเสี่ยงจากราคาสินทรัพย์หลัก ที่อาจผันผวนรุนแรงในอนาคต
5. องค์ประกอบของการซื้อขาย Futures
หากคุณได้ศึกษามาถึงจุดนี้แล้ว คงเริ่มเข้าใจรูปแบบการเทรด Futures ในเบื้องต้น โดยเมื่อคุณเข้าไปในโปรแกรมเทรด Futures หน้าจอการซื้อขายจะมีลักษณะคล้ายกับการซื้อขายหุ้น โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่าง ดังนี้
- ราคา Bid คือ ราคาที่ผู้ซื้อเสนอเข้ามาเพื่อซื้อสัญญา Futures
- ราคา Offer คือ ราคาที่ผู้ขายต้องการขายสัญญา Futures
- Spot Price คือ ราคาดัชนี SET50 Index หรือราคาสินค้าอ้างอิง ณ ปัจจุบัน

6. ตัวอย่างการซื้อขาย Futures
สมมติว่า ณ วันที่ 10 กันยายน 2565 ราคาดัชนี SET50 Index อยู่ที่ 966.93 จุด โดยคุณวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วคาดการณ์ว่า ดัชนีมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า คุณจึงตัดสินใจเปิด Long Futures (ซื้อสัญญา Futures) รุ่น U ที่มีราคาอยู่ที่ 970 จุด
ต้นทุนที่คุณต้องวางเป็นหลักประกัน (Margin)
สมมติว่า SET50 Futures มีราคาต่อสัญญาเท่ากับ 200 บาทต่อ 1 จุด
ดังนั้น ต้นทุนที่แท้จริงไม่ได้เป็นราคาสัญญาทั้งหมด แต่เป็นจำนวนเงินวางหลักประกันเริ่มต้นที่ต้องใช้เพื่อเปิดสถานะ
เช่น
- Initial Margin = 50,000 บาท
(จำนวนนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของตลาด TFEX และโบรกเกอร์ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละช่วงเวลาและแต่ละประเภทสัญญา)
หากราคาปรับตัวขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ คุณจะเริ่มได้กำไรจากส่วนต่างของราคาสัญญา
1. กรณีปิดสถานะ Futures ก่อนครบกำหนด (ได้รับกำไร)
สมมติว่า หลังจากเปิด Long Futures ที่ราคา 970 จุด ผ่านไป 3 วัน ราคาดัชนี SET50 Futures เพิ่มขึ้นเป็น 980 จุด คุณจึงตัดสินใจปิดสถานะเพื่อทำกำไร
สูตร
(ราคาปิด – ราคาที่เปิด) x 200 = กำไร
(980 – 970) x 200 = 2,000 บาท
หมายความว่า คุณจะได้รับกำไร 2,000 บาท จากการเปลี่ยนแปลงของราคาดัชนีเพียง 10 จุด
*หมายเหตุ : ยังไม่รวม VAT และค่าธรรมเนียม
2. กรณีถือสัญญา Futures จนครบอายุ (ได้รับกำไร)
หากคุณมั่นใจว่าดัชนีจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณอาจเลือกที่จะ Hold to Expiration หรือถือสัญญาไปจนหมดอายุ
สมมติว่า ดัชนี SET50 Futures ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 1,000 จุดในวันครบอายุสัญญา
สูตร
(ราคาปิด – ราคาที่เปิด) x 200 = กำไร
(1,000 – 970) x 200 = 6,000 บาท
คุณจะได้รับกำไร 6,000 บาท หากถือสัญญาจนครบกำหนดและราคาปรับขึ้นตามคาดการณ์
3. กรณีราคาสัญญา Futures ไม่เป็นไปตามที่คาด (ขาดทุน)
สมมติว่า ดัชนี SET50 Futures ปรับตัวลดลงหลังจากที่คุณเปิด Long Futures ที่ราคา 970 จุด และราคาลดลงมาเหลือ 960 จุด
หากคุณตัดสินใจปิดสถานะเพื่อลดการขาดทุน จะมีผลขาดทุนดังนี้
สูตร
(ราคาปิด – ราคาที่เปิด) x 200 = ขาดทุน
(970 – 960) x 200 = 2,000 บาท
และหากราคายังคงลดลงจนถึงระดับที่ทำให้คุณถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) คุณจะต้องเติมเงินเข้าพอร์ต มิฉะนั้น ระบบจะบังคับปิดสถานะเพื่อหยุดขาดทุน
สรุป Futures คืออะไร? มีลักษณะอย่างไร?
โดยทั่วไปนักลงทุนมือใหม่อาจเริ่มจากการเทรดหุ้นรายตัว ซึ่งสามารถทำกำไรได้เฉพาะในสภาวะตลาดขาขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ตลาดที่มีความซับซ้อนมากขึ้น Futures กลายเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดย Futures คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract) ที่ตกลงซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิง ณ ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งมีวันครบกำหนดที่แน่นอน
นักลงทุนสามารถเลือกเป็นทั้ง “ฝั่งซื้อ (Long Position)” และ “ฝั่งขาย (Short Position)” ได้ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์อ้างอิงจริงก็สามารถเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาได้
อย่างไรก็ตาม แม้ Futures จะเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเก็งกำไร เพราะสามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาด แต่ก็มีจุดที่ต้องระวัง เนื่องจาก Futures มีความผันผวนและขาดทุนได้แบบไม่จำกัด หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ดังนั้น นักลงทุนบางกลุ่มจึงนิยมใช้ Options ควบคู่กับ Futures เพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideway)
หากคุณเป็นมือใหม่ที่ยังไม่มั่นใจในการบริหารพอร์ตแบบ Futures เต็มรูปแบบ อาจเริ่มจากการเรียนรู้การใช้ Block Trade หรือ Single Stock Futures ซึ่งเป็นการลงทุนที่อ้างอิงราคาหุ้นรายตัว และสามารถใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายได้ไม่ต่างจากหุ้น โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่า
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรด Futures หรือ Options ต่างก็มีทั้งโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขของสัญญา กลไกของตลาด และเทคนิคการบริหารความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในทุกสภาวะตลาด
. . . . . . . . . . . . . . .
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Futures คืออะไร? มีลักษณะอย่างไร?
1. Futures คืออะไร?
ตอบ: Futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือข้อตกลงในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยจะส่งมอบหรือชำระราคากันในอนาคต มักใช้กับสินทรัพย์ เช่น ทองคำ, หุ้น, ดัชนี และค่าเงิน
2. Futures ต่างจากหุ้นอย่างไร?
ตอบ: การซื้อหุ้น คือ การลงทุนในสินทรัพย์จริง แต่ Futures เป็นเพียงสัญญา ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง ๆ นักลงทุนใน Futures สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
3. Leverage คืออะไรในตลาด Futures?
ตอบ: Leverage คือการใช้เงินทุนเพียงบางส่วนเพื่อควบคุมสัญญาที่มีมูลค่ามากกว่าทุนจริง
4. TFEX คืออะไร?
ตอบ: TFEX (Thailand Futures Exchange) คือ ตลาดอนุพันธ์ของประเทศไทย อยู่ภายใต้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ใช้เป็นแพลตฟอร์มกลางในการซื้อขาย Futures และ Options
5. Futures มีวันหมดอายุไหม?
ตอบ: มี สัญญา Futures มีวันหมดอายุ (Expiry Date) ซึ่งผู้ถือสัญญาต้องปิดสถานะก่อน หรือปล่อยให้ระบบชำระราคาตามกลไกของตลาดในวันสุดท้าย
6. ความเสี่ยงของการเทรด Futures คืออะไร?
ตอบ: ความเสี่ยงจากใช้ Leverage ซึ่งอาจขาดทุนมากกว่าทุนตั้งต้น หากตลาดเคลื่อนไหวตรงข้ามกับที่คาดไว้ ควรใช้ Stop Loss และบริหารเงินทุนอย่างเข้มงวด
7. Futures ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือไม่?
ตอบ: มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Commission) และอาจมีค่าธรรมเนียมอื่น เช่น ค่าธรรมเนียมตลาด TFEX และค่าบริการจากโบรกเกอร์ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
8. สามารถถือสัญญา Futures ข้ามวันหรือข้ามเดือน ได้ไหม?
ตอบ: ได้ แต่อาจมีการเรียกหลักประกัน (Margin) เพิ่ม หากราคาผันผวน และต้องดูวันหมดอายุของสัญญาด้วย โดยหากถือจนหมดอายุ จะถูกบังคับปิดโดยอัตโนมัติ
9. เทรด Futures บนแพลตฟอร์มอะไรได้บ้าง?
ตอบ: เทรดเดอร์สามารถเทรด Futures ได้ในโปรแกรม ดังต่อไปนี้
- Streaming (สำหรับเทรด TFEX)
- MT5 (MetaTrader 5 – โบรกต่างประเทศ)
- Bisnews, Aspen หรือแอปจากโบรกเกอร์แต่ละเจ้า
10. เทรด Futures ถูกกฎหมายไหม?
ตอบ: ถ้าเทรดในตลาด TFEX ถือว่าถูกกฎหมายไทย 100% แต่ถ้าเทรด Futures ผ่านโบรกต่างประเทศ อาจจะยังไม่มีกฎหมายรองรับ ต้องตรวจสอบว่าโบรกเกอร์นั้นมีใบอนุญาตและได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางการเงินที่เชื่อถือได้
11. มือใหม่ควรเริ่มเทรด Futures เลยไหม?
ตอบ: แนะนำให้ศึกษาให้เข้าใจก่อน ทั้งเรื่อง Leverage, การบริหารความเสี่ยง และการวิเคราะห์ราคา อาจเริ่มจากบัญชีทดลอง (Demo) หรือเริ่มลงทุนจริงด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยดูก่อน
12. Futures กับ Options ต่างกันอย่างไร?
ตอบ: Options คือ สัญญาที่ให้สิทธิในการซื้อขายสินทรัพย์ตามราคาที่ตกลงกันไว้ แต่ไม่ผูกมัด เช่น Call Option คือสิทธิในการซื้อ แต่หากเปลี่ยนใจสามารถไม่ซื้อขายได้ ส่วน Futures คือ สัญญาที่ระบุให้ต้องมีการซื้อขายสินทรัพย์ตามราคาที่ตกลงกันไว้ตามกำหนด แบบผูกมัด เมื่อถึงกำหนดตามสัญญาไม่สามารถเปลี่ยนใจได้
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้
พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page