
SMC คือ แนวคิดการเทรด Forex ตามกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่ที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาด SMC Trading จึงช่วยให้คุณระบุแนวโน้ม และจับจังหวะเข้าซื้อ-ขายได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น 😎
SMC Trading เทคนิคเทรดโดยใช้การ “แกะรอย” พฤติกรรมและแนวคิดการเทรดของผู้ลงทุนรายใหญ่ในตลาด ด้วยแนวคิดที่ว่า กลุ่มผู้ลงทุนเหล่านี้ มักมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคา ทำให้การเทรดที่ดำเนินไปในทิศทางเดียวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Smart Money นั้น สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดให้กับเทรดเดอร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในบทความนี้พี่โบ้ได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนนำ SMC Forex ไปลองใช้ในสนามจริงไว้เรียบร้อยแล้วครับ!
*หมายเหตุ: การเทรดฟอเร็กซ์ถือเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจทุกครั้ง นอกจากนี้ คุณจำเป็นต้องศึกษาการวิเคราะห์ทาง Fundamental และ Technical ร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด
. . . . . . . . . . . . . . .
SMC (Smart Money Concept) คืออะไร?
SMC (Smart Money Concept) คือ ระบบเทรด Forex ตามแนวคิดของ Smart Money หรือกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่ที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาดได้ จากแนวคิดที่ว่า “การซื้อขายของกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่มักเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาด”
ทั้งนี้ กลุ่ม Smart Money หมายถึง สถาบันการเงิน, ธนาคาร, กองทุนเก็งกำไร และกองทุนรวม โดยกลุ่มผู้ลงทุนเหล่านี้จะมีอำนาจในการซื้อขายจำนวนมาก ทำให้การตัดสินใจแต่ละครั้งของกลุ่ม SMC มักส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ครับ
SMC Forex คืออะไร?
📢 SMC Forex มีความหมายเดียวกับระบบเทรด SMC นั่นแหละครับ เนื่องจากการเทรด Forex เป็นการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาคู่เงิน ทำให้เทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยมักจะนำระบบเทรด SMC มาประยุกต์ใช้ในการเทรด Forex จึงส่งผลให้หลายคนเรียกมันว่า “SMC Forex”
ข้อดี-ข้อควรระวัง ในการเทรดด้วย SMC Forex
ถึงแม้ระบบเทรด SMC Forex จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเทรดตามแนวโน้มของตลาด แต่ก็จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการสังเกตพฤติกรรมการเทรดของกลุ่ม Smart Money โดยข้อดีและข้อควรระวังในการเทรด มีดังนี้
ข้อดี
- ช่วยให้เข้าใจถึงพฤติกรรมของกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่ในตลาด
- ทำให้มองเห็นภาพรวมของตลาดได้มากขึ้น
- สามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกตลาด รวมถึงตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่าง Forex
- ช่วยหาจังหวะเข้าซื้อ-ขายได้แม่นยำมากขึ้น
- เหมาะกับการลงทุนระยะยาว
ข้อควรระวัง
- การเทรดแบบ SMC นั้นไม่รับประกันความสำเร็จ ดังนั้น เทรดเดอร์อาจได้กำไรหรือขาดทุนได้เช่นกัน
- การเทรดแบบ SMC จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของเทรดเดอร์ ซึ่งอาจมีความซับซ้อนสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
- การเทรดแบบ SMC ควรใช้ร่วมกับ FVG Forex เพื่อยืนยันสัญญาณให้แม่นยำมากขึ้น
➡️ ศึกษากลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม ได้ที่ Trend Following กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม
หลักการสำคัญของระบบเทรด SMC (Smart Money Concept)
หลักการสำคัญของ SMC คือ การเทรดของกลุ่ม Smart Money มักจะมีรูปแบบที่สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด โดยกลุ่ม Smart Money จะเข้าเทรดในทิศทางเดียวกับแนวโน้มของตลาดเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การเคลื่อนไหวของราคามีความแข็งแกร่ง
ในทางกลับกัน หากกลุ่ม Smart Money เข้าเทรดสวนทางกับแนวโน้มของตลาด มักจะเป็นการเทรดเพื่อดักจับเทรดเดอร์รายย่อยที่เทรดตามแนวโน้ม ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคามักจะอ่อนแอ และเป็นช่วงพักฐานของตลาด ซึ่งองค์ประกอบพื้นฐานที่หลักการ SMC Trading นำมาใช้แกะรอยกลุ่ม SMC มี 4 เครื่องมือหลัก ๆ ด้วยกันครับ
เครื่องมือช่วย “แกะรอย” กลุ่ม Smart Money
เพื่อให้การแกะรอยกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น หลักการนี้จึงดึงเอาองค์ประกอบทางเทคนิค 4 อย่าง เพื่อมามองหาร่องรอยพฤติกรรมของกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่ ดังนี้
- โครงสร้างของระบบเทรด SMC (Smart Money Concept)
- โซนราคาที่บ่งบอกร่องรอยของการซื้อขาย (Order Block)
- สภาพคล่องของตลาด (Liquidity)
- FVG (Fair Value Gap)
1. โครงสร้างของระบบเทรด SMC (Smart Money Concept)
โครงสร้างของระบบเทรด SMC มีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ Break of Structure (BoS) และ Change of Character (ChoCh) ซึ่งจะใช้สังเกตพฤติกรรมการเทรดของกลุ่ม Smart Money เพื่อหาจังหวะเข้าเทรดตามแนวโน้มของตลาด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
| Break of Structure (BoS) | ▪ กลุ่ม Smart Money กำลังเข้าซื้อขายในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม |
| Change of Character (ChoCh) | ▪ กลุ่ม Smart Money กำลังเปลี่ยนทิศทางการเทรด |
Break of Structure (BoS) คืออะไร?
Break of Structure (BoS) คือ การที่ราคาทะลุผ่านแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญไปในทิศทางเดิมเรื่อย ๆ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณว่า กลุ่ม Smart Money กำลังเข้าเทรดในทิศทางเดียวกับแนวโน้มของตลาด
ประเภทของ Break of Structure (BoS)

ประเภทของ Break of Structure (BoS) สามารถแบ่งออกได้ตามแนวโน้ม ดังนี้
1. Bullish BOS
- สังเกตจากราคาที่เคลื่อนตัวทะลุจุด Swing High ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
- แสดงถึงการดำเนินไปอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น
2. Bearish BOS
- สังเกตจากราคาที่เคลื่อนตัวทะลุจุด Swing Low ลงมาอย่างต่อเนื่อง
- แสดงถึงการดำเนินไปอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง
Change of Character (ChoCh) คืออะไร?
Change of Character (ChoCh) คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อขาย ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณว่า กลุ่ม Smart Money กำลังเปลี่ยนทิศทางการเทรด เช่น หากราคากำลังดำเนินไปในแนวโน้มขาขึ้น หรือราคาทำ Higher High และ Higher Low ใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่นานก็เกิดการ Break of Structure ทะลุจุด Swing Low นั่นถือเป็นสัญญาณที่แนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลงหรือที่เราเรียกว่า ChoCh นั่นเอง
ประเภทของ Change of Character (ChoCh)

ประเภทของ Change of Character (ChoCh) สามารถแบ่งออกได้ตามแนวโน้ม ดังนี้
1. Bullish ChoCh
- สังเกตจากแนวโน้มของตลาดช่วงก่อนหน้า หากอยู่ในแนวโน้มขาลง และราคาทำจุด Lower High และ Lower Low อย่างต่อเนื่องจนเกิดการ Breakout
- แสดงถึงตลาดอาจเริ่มเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น
2. Bearish ChoCh
- สังเกตจากแนวโน้มของตลาดช่วงก่อนหน้า หากอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และราคาทำจุด Higher High และ Higher Low อย่างต่อเนื่องจนเกิดการ Breakout
- แสดงถึงตลาดอาจเริ่มเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
📢 โครงสร้างตลาดของ SMC ทั้ง 2 แบบ มีความเกี่ยวข้องกันจากการที่ราคาเกิดการเบรก High/Low ที่เป็นจุด BoS ของโครงสร้างราคา และทำให้เกิดเป็น ChoCh ในที่สุด ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นและเข้าใจโครงสร้างของราคาก่อนเข้าสู่หัวข้อถัดไปได้อย่างเป็นระบบครับ
2. โซนราคาที่บ่งบอกร่องรอยของการซื้อขาย (Order Block)
Order Block คือ พื้นที่ที่เทรดเดอร์รายใหญ่หรือกลุ่ม Smart Money สะสมออเดอร์ซื้อขายไว้ โดยมักจะเป็นพื้นที่ที่มีระดับราคาสำคัญ เช่น แนวรับหรือแนวต้าน, ระดับ Fibonacci Retracement หรือระดับราคาจิตวิทยา
Order Block เกิดขึ้นจากการที่เทรดเดอร์รายใหญ่มักจะวางออเดอร์ซื้อขายในปริมาณมาก เพื่อให้สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ โดยเทรดเดอร์รายใหญ่มักจะวางออเดอร์ซื้อขายในลักษณะกระจายความเสี่ยง (Spread Order) กล่าวคือ จะวางออเดอร์ซื้อขายในราคาที่ต่างกัน เพื่อให้สามารถจับคู่ออเดอร์ซื้อขายกับเทรดเดอร์รายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Order Block จึงมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์รายย่อย เนื่องจากสามารถช่วยให้สามารถคาดการณ์ทิศทางตลาดได้ โดยสามารถสังเกต Order Block บนกราฟราคา และหากราคาทะลุผ่าน Order Block ไปได้ แสดงว่าเทรดเดอร์รายใหญ่กำลังเปลี่ยนทิศทางการเทรด เทรดเดอร์รายย่อยสามารถเข้าเทรดตามทิศทางการเทรดของเทรดเดอร์รายใหญ่ได้ ซึ่งโดยทั่วไป Order Block จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับ
ประเภทของ Order Block (OB)

ประเภทของ Order Block (OB) สามารถแบ่งออกได้ตามแนวโน้ม ดังนี้
1. Bullish Order Block
- สังเกตแท่งเทียนขาลงสุดท้ายก่อนราคาจะเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น
- แสดงถึงจุดที่กลุ่ม Smart Money เคยดันราคาลงไป เพื่อเก็บสะสมออเดอร์ Buy จากเทรดเดอร์รายย่อยที่เปิดออเดอร์ Sell ก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้น
2. Bearish Order Block
- สังเกตแท่งเทียนขาขึ้นสุดท้ายก่อนราคาจะเปลี่ยนแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง
- แสดงถึงจุดที่กลุ่ม Smart Money เคยดันสินทรัพย์ของราคาขึ้น เพื่อล่อให้เทรดเดอร์รายย่อยออกออเดอร์ Buy ก่อนจะเทขาย
ลักษณะของ Order Block
- มักเกิดบริเวณระดับราคาที่มีความสำคัญ เช่น แนวรับ–แนวต้าน หรือระดับ Fibonacci Retracement ซึ่งเป็นจุดที่มีสภาพคล่องสูง
- ช่วงที่เกิด Order Block มักมีปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ เนื่องจากมีการเปิดออเดอร์จำนวนมากจากกลุ่ม Smart Money
- เมื่อราคาย้อนกลับมาแตะโซน Order Block มักเกิดการชะลอ ดีดตัว หรือกลับตัวมากกว่าจะทะลุผ่านในทันที
วิธีการใช้ Order Block เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์

ขั้นตอนที่ 1 หาตำแหน่งที่แนวโน้มของราคาเริ่มเปลี่ยนแปลง (Break of Structure) หรือจุดที่กลุ่ม Smart Money เริ่มเข้ามาเปลี่ยนทิศทางตลาด
- ถ้ากราฟราคาทะลุตำแหน่ง High เดิม บ่งบอกถึง BoS ที่เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- ถ้ากราฟราคาทะลุตำแหน่ง Low เดิม บ่งบอกถึง BoS ที่เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง
ขั้นตอนที่ 2 เลือกวางพื้นที่ Order Block จากการสังเกตแท่งเทียนสุดท้ายก่อนเกิดการ BoS
- ถ้าเป็น BoS แนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาแท่งเทียนสีแดงแท่งสุดท้ายก่อนที่ราคาพุ่งขึ้น
- ถ้าเป็น BoS แนวโน้มขาลง ให้มองหาแท่งเทียนสีเขียวแท่งสุดท้ายก่อนที่ราคาปรับตัวลง
- จากนั้นให้วาดกรอบของ OB โดยวาดจากจุด Open ของแท่งเทียน ถึงจุด Close โดยวาดให้ครอบคลุมตำแหน่งที่เป็นไส้เทียนด้วย
ขั้นตอนที่ 3 เข้าเทรดเมื่อราคาวิ่งชนพื้นที่ของ Order Block ตามแนวโน้มของตลาด
- กรณีที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (ฺBullish OB) → ให้รอราคาเคลื่อนตัวมาชนกรอบ Order Block แล้วให้สังเกตแท่งเทียนที่กลับตัวเป็นขาขึ้น หากมี ให้พิจารณาเปิดออเดอร์ Buy เพื่อทำกำไร
- กรณีที่เป็นแนวโน้มขาลง (ฺBearish OB) → ให้รอราคาย่อตัวมาแตะกรอบ Order Block แล้วให้สังเกตแท่งเทียนที่กลับตัวเป็นขาลง หากมี ให้พิจารณาเปิดออเดอร์ Sell เพื่อทำกำไร
Traderbobo แนะนำ: จากภาพจะเห็นได้ว่า พี่โบ้มีการระบุจุด Stop Loss และ Take Profit ร่วมด้วย เพื่อป้องกันสัญญาณหลอก ดังนั้น เทรดเดอร์ควรตั้ง SL ไว้เหนือพื้นที่ OB เล็กน้อย ส่วนตำแหน่งของ TP ให้ตั้งอยู่ในโซน Liquidity หรือแถวแนวรับ-แนวต้านถัดไป (กรณีนี้ขึ้นอยู่กับแนวโน้มตลาดที่เทรดเดอร์เข้าเทรด)
3. สภาพคล่องของตลาด (Liquidity)
Liquidity Grab คือ การเคลื่อนไหวของราคาที่มีลักษณะรุนแรงและรวดเร็ว โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ เทรดเดอร์รายใหญ่มักจะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อดักจับเทรดเดอร์รายย่อยที่เทรดตามแนวโน้มของตลาด
ลักษณะของ Liquidity Grab

- ราคามักเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปในทิศทางเดียว (เพื่อดึงสภาพคล่องจาก Stop Loss หรือ Pending Order)
- ปริมาณการซื้อขายมีมากขึ้นผิดปกติในช่วงเวลาสั้น ๆ
- การเคลื่อนไหวของราคามักสวนทางหรือไม่สอดคล้องกับแนวโน้มหลักที่เกิดขึ้นในตลาด และหลังจากนั้นก็จะเคลื่อนตัวกลับเข้าสู่ทิศทางเดิม
ข้อสังเกต: จะเห็นได้ว่า Liquidity ไม่ได้ถูกแบ่งตามทิศทาง Bullish หรือ Bearish เหมือนกับ ChoCh, BoS หรือ Order Block เพราะ Liquidity เป็นเพียงพื้นที่ที่บ่งบอกว่าบริเวณใดของตลาดมีสภาพคล่องสะสมอยู่เท่านั้น ไม่ใช่รูปแบบของแนวโน้มหรือสัญญาณการกลับตัวโดยตรง
วิธีการดู Liquidity Grab เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์

ขั้นตอนที่ 1 หาโซนที่ราคาเคยเคลื่อนตัวมาชนซ้ำ ๆ
- เหนือโซน Equal High มักมี Stop Loss ของฝั่ง Sell → เป็น Liquidity Zone ขาขึ้น
- ใต้โซน Equal Low มักมี Stop Loss ของฝั่ง Buy → เป็น Liquidity Zone ขาลง
ขั้นตอนที่ 2 รอดูราคาทะลุโซน Liquidity Grab แล้วเกิดการกลับตัวทันที
- ถ้าราคาทะลุขึ้นเหนือ High แล้วกลับตัวลง → เป็นสัญญาณ Sell
- ถ้าราคาทะลุลงใต้ Low แล้วดีดตัวขึ้น → เป็นสัญญาณ Buy
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังสามารถมองหาสัญญาณของการกลับตัวของราคาเพิ่มเติมได้จากการสังเกต Price Action หลังจากที่ราคาเคลื่อนตัวไปในจุดสำคัญที่ถือเป็นการช่วยยืนยันสัญญาณการเข้าเทรดของคุณครับ
โซน Equal High และ Equal Low คืออะไร?
Equal High/Equal Low คือ บริเวณที่ราคาเคยหยุดในระดับเดียวกันหลายครั้ง อาจจะมี 2 จุด หรือมากกว่าก็ได้ ทำให้ฝั่งตรงข้ามของบริเวณนี้ มักกลายเป็นตำแหน่งที่มีคำสั่ง Stop Loss หรือ Pending Order ค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งสองรูปแบบจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
| Equal High | ▪ บริเวณที่ราคาสร้างยอดในระดับที่เท่ากัน หรือใกล้เคียงกันสองครั้งขึ้นไป ทำให้เหนือบริเวณนั้น มักมีคำสั่ง Stop Loss/ Pending Order ของผู้ที่เปิดออเดอร์ Sell ค้างอยู่ |
| Equal Low | ▪ บริเวณที่ราคาสร้างฐานในระดับที่เท่ากัน หรือใกล้เคียงกันสองครั้งขึ้นไป ทำให้ใต้บริเวณนั้น มักมีคำสั่ง Stop Loss/ Pending Order ของผู้ที่เปิดออเดอร์ Buy ค้างอยู่ |
กลยุทธ์การหลีกเลี่ยง Liquidity Grab
- หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ
- รอให้ราคากลับสู่แนวโน้มเดิมก่อนจึงค่อยเข้าเทรด
- ใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อช่วยยืนยันสัญญาณการเทรด
📢 เมื่อเข้าใจการทำงานของ Liquidity แล้ว เทรดเดอร์จะเริ่มมองออกว่า Smart Money มักเข้ามาเก็บสภาพคล่องก่อนราคาจะกลับทิศ และเมื่อ Smart Money เริ่มขับเคลื่อนราคาอย่างรวดเร็วหลังจากเก็บ Liquidity ตลาดมักจะเกิดช่องว่างของราคาขึ้นหรือที่เราเรียกกันว่า “FVG”
4. FVG (Fair Value Gap)
FVG หรือ Fair Value Gap คือ “ช่องว่างราคา” ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วผิดปกติ โดยช่องว่างนี้มักเกิดจากแรงซื้อหรือแรงขายขนาดใหญ่ของกลุ่ม Smart Money ที่เข้ามาเปิดออเดอร์ในช่วงเวลาสั้น ๆ จนทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
เทรดเดอร์จึงมักใช้ช่องว่างของราคานี้ในการคาดการณ์การกลับตัวของราคา หรือการดีดตัวไปต่อตามแนวโน้มหลัก เพื่อยืนยันจุดเข้าออเดอร์ที่เหมาะสม เนื่องจากราคามักจะย้อนกลับมาเติมช่องว่างของ FVG ก่อนจะเคลื่อนตัวต่อ
ประเภทของ Fair Value Gap (FVG)

ประเภทของ Fair Value Gap (FVG) สามารถแบ่งออกได้ตามแนวโน้ม ดังนี้
1. Bullish Fair Value Gap
- สังเกตแท่งเทียน 3 แท่ง โดยที่ High ของเทียนที่ 1 จะไม่ทับซ้อนกับ Low ของเทียนที่ 3
- เป็นช่องว่างของราคาที่เกิดจากแรงซื้อที่รุนแรง และโซนนี้มักถูกใช้เป็นแนวรับ
2. Bearish Fair Value Gap
- สังเกตแท่งเทียน 3 แท่ง โดยที่ Low ของแท่งเทียนที่ 1 จะไม่ทับซ้อนกับ High ของแท่งเทียนที่ 3
- เป็นช่องว่างของราคาที่เกิดจากแรงขายที่รุนแรง และโซนนี้มักถูกใช้เป็นแนวต้าน
ลักษณะของ Fair Value Gap (FVG)
- เป็นช่องว่างของราคาที่เกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนตัวของราคาอย่างรุนแรง
- แสดงถึงความไม่สมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
- มักจะเกิดขึ้นหลังจาก BoS และ ChoCh
วิธีการใช้ FVG เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์

ขั้นตอนที่ 1 มองหาโครงสร้างของระบบเทรด SMC
- สังเกตว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
- ดูว่าเกิดการ Break of Structure (BoS) หรือ Change of Character (ChoCh) ขึ้นหรือยัง เพราะ FVG จะมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อใช้หลังจากการเกิด BoS และ ChoCh เนื่องจากสองอย่างนี้ เป็นเหมือนสัญญาณบ่งบอกว่า กลุ่ม SMC ได้เข้ามาในตลาดแล้วจริง ๆ
ขั้นตอนที่ 2 หาโซนที่เกิด FVG จากการมองหาแท่งเทียนสามแท่ง
- ถ้าเป็นแนวโน้มขาขึ้น หมายถึง Bullish FVG → ช่องว่างที่อยู่ระหว่าง High ของแท่งเทียนที่ 1 กับ Low ของแท่งเทียนที่ 3
- ถ้าเป็นแนวโน้มขาลง หมายถึง Bearish FVG → ช่องว่างที่อยู่ระหว่าง Low ของแท่งเทียนที่ 1 กับ High ของแท่งเทียนที่ 3
ขั้นตอนที่ 3 สังเกตราคาเมื่อกลับเข้ามาเติมเต็มโซน FVG ที่ตีกรอบไว้
- ใช้โซน FVG เป็นพื้นที่เข้าออเดอร์ โดยใช้ Bullish FVG เป็นแนวรับและ Bearish FVG เป็นแนวต้าน
- ให้สังเกตกราฟราคา เพราะเมื่อราคาย่อตัวลงและดีดตัวกลับมาสัมผัสโซน FVG อีกครั้ง ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการเปิดออเดอร์ซื้อ-ขายครับ
📢 Traderbobo แนะนำ
ทำความรู้จักเทคนิคการเทรดรูปแบบอื่นอีกมากมาย นอกเหนือจากเทคนิคการเทรดแบบ Smart Money Concept ได้ที่บทความด้านล้างนี้ 📊
แนะนำหนังสือ Smart Money Concept เล่มไหนดี?
หากเทรดเดอร์ท่านใดอ่านบทความของเรามาจนถึงตรงนี้แล้ว เกิดความสนใจและต้องการศึกษาหลักการ SMC Trading โดยละเอียด พี่โบ้จะขอแนะนำหนังสือสามเล่มนี้ครับ
| ชื่อหนังสือ | รายละเอียดโดยย่อ |
| Unlocking the Path to High Probability Trading | เน้นเพิ่มโอกาสในการเทรด โดยอิงการเทรดตามสถาบันการเงินใหญ่ ๆ ผ่านการสอนโครงสร้างตลาด, Liquidity และ Order Block |
| Market Structure, Supply and Demand, Order Block, Mastering the Market | เจาะลึกตลาดและโครงสร้างราคา รวมถึงการเทรด โดยใช้ Supply&Demand ร่วมกับ Order Block เล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยากทำความเข้าใจ SMC แบบจริงจังครับ |
| Learn Smart Money Concept (SMC) : Entry And Exit Strategy, BOS, FVG, Liquidity Trading and CHoCH | เน้นการหาจุดเข้า-ออกออเดอร์ และรวมคำศัพท์สำคัญของ SMC เช่น BOS, FVG และ ChoCh เป็นต้น |
สรุปเกี่ยวกับ Smart Money Concept (SMC)
Smart Money Concept เป็นแนวคิดที่น่าสนใจที่สามารถใช้เพื่อช่วยในการเทรดตามแนวโน้มของตลาดและเทรดเดอร์รายใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การเทรดแบบ SMC นั้นต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการสังเกตพฤติกรรมการเทรดของกลุ่ม Smart Money ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรศึกษาและทำความเข้าใจกลยุทธ์การเทรดแบบ SMC อย่างละเอียด และควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
*หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้ ไม่ใช่การแนะนำให้ลงทุนแต่อย่างใด และการลงทุนไม่ว่าจะในตลาดใดล้วนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนลงทุนทุกครั้งครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Smart Money Concept
การเทรดแบบ SMC คืออะไร?
การเทรดแบบ Smart Money คือ การเทรดผ่านการวิเคราะห์ตลาดที่เน้นทำความเข้าใจในแนวคิดและพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่
Smart Money Concept LuxAlgo คืออะไร?
SMC LuxAlgo คือ หนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งมาในรูปแบบของอินดิเคเตอร์ที่จะช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในตลาดของนักลงทุนรายใหญ่
SMC กับ Price Action เหมือนกันไหม?
หากดูเผิน ๆ ทั้งสองอย่างนี้ มีความคล้ายคลึงกันครับ แต่ Price Action จะเน้นการอ่านพฤติกรรมของเทรดเดอร์ผ่านแท่งเทียนราคา แต่หลักการของ Smart Money Concept คือ การสังเกตว่า ทำไมราคาจึงมีการเคลื่อนไหวแบบนั้น ผ่านการอ่านโครงสร้างของตลาด
หลักการเทรด SMC Forex สามารถใช้ได้กับทุกคู่เงินไหม?
SMC Forex สามารถนำมาใช้ในการเทรดได้กับทุกคู่เงินครับ แต่หากอยากให้หลักการดังกล่าวแม่นยำมากยิ่งขึ้น เทรดเดอร์อาจต้องศึกษาและทำความเข้าใจพฤติกรรมของคู่เงินนั้น ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ช่วงเวลาไหนที่คู่เงินนั้น ๆ มีความผันผวนสูงหรือเหมาะแก่การเข้าเทรด
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้
พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page



















