
แนวรับ แนวต้าน คือ ระดับราคาที่ถูกประเมินว่า เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านไปได้ อาจเกิดการกลับตัวหรือคอนเฟิร์มการไปต่อในแนวโน้มเดิม โดยการใช้ Indicator หาแนวรับแนวต้านจะง่ายที่สุด 🤑
. . . . . . . . . . . . .
“แนวรับ แนวต้าน” เป็นการวิเคราะห์แบบ Technical Analysis ที่เบสิกที่สุดในการเทรด Forex และหุ้น แต่หากคุณสามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ เทคนิคนี้จะช่วยสร้างผลกำไรให้คุณได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องอาศัยเทคนิคขั้นสูงอื่น ๆ และที่สำคัญแนวรับแนวต้านจะทำให้คุณได้เปรียบในการกำหนดจุดเข้า-ออกในการซื้อขาย
📌คุณสามารถเลือกคลิกไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ
(แนะนำให้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วคุณจะรู้ว่า การหาแนวรับ แนวต้านไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด พร้อมเผยอินดิเคเตอร์ที่จะเข้ามาช่วยให้เราสามารถกำหนดแนวรับและแนวต้านได้ง่าย และแม่นยำมากขึ้น)
ทำไม “แนวรับ แนวต้าน” จึงสำคัญในการเทรด | Read More |
แนวรับ แนวต้าน คืออะไร? | Read More |
การหาแนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรง พร้อมตัวอย่าง | Read More |
รู้หรือไม่? แนวรับ แนวต้าน สลับกันได้ | Read More |
ข้อดีของการใช้แนวรับ แนวต้าน | Read More |
ข้อควรระวังในการใช้แนวรับ แนวต้าน | Read More |
🔻รวม! 3 วิธีการหาแนวรับ แนวต้าน Forex | Read More |
1. วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากการตี Trendline ▪ การตี Trendline ใน Uptrend ▪ การตี Trendline ใน Downtrend ▪ การตี Trendline ใน Sideway | Read More |
2. วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากจุดสูงสุด-ต่ำสุด | Read More |
3. วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจาก Indicator ▪ Moving Average Indicator ▪ Bollinger Bands Indicator ▪ Fibbonacci Indicator | Read More |
*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และการเทรด Forex รวมถึงสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคหลาย ๆ รูปแบบร่วมกันในการวิเคราะห์ เพื่อยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการเข้าซื้อขายให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
. . . . . . . . . . . . .
ทำไมต้องดูแนวรับ แนวต้าน ในการเทรด Forex และหุ้น

- แนวรับ แนวต้าน แสดงถึงระดับราคาที่สำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคา
- แนวรับ แนวต้าน แสดงถึงระดับราคาที่สะท้อนอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply)
- แนวรับ แนวต้าน ถูกกำหนดขึ้นตามมุมมองของแต่ละบุคคล
. . . . . . . . . . . . .
แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

แนวรับ แนวต้าน (Support and Resistance) คือ แนวระดับราคาที่ถูกประเมินแล้วว่า เมื่อราคาสามารถทะลุผ่านไปได้ จะมีโอกาสสูงที่จะกลับตัว หรือใช้คอนเฟิร์มการไปต่อของแนวโน้มเดิม
แนวรับ คืออะไร?

แนวรับ (Support) คือ ระดับราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน โดยเกิดจากการที่มีแรงขายเข้ามาจำนวนมาก จนทำให้ราคาลดลงจนเกิดแรงซื้อเข้ามา เพื่อรับราคาเอาไว้ไม่ให้ลงไปต่ำกว่านี้ ซึ่งเกิดได้ 2 กรณี ดังนี้
- ราคาไม่สามารถทะลุแนวรับลงไปได้
- ราคาสามารถทะลุแนวรับลงไปได้
🔻เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมหาแนวรับตอนที่ราคากำลังปรับตัวลง เพื่อวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้ม และหาจังหวะเข้าซื้อ
แนวต้าน คืออะไร?

แนวต้าน (Resistance) คือ ระดับราคาที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน โดยเกิดจากการที่มีแรงซื้อเข้ามาจำนวนมาก จนทำให้ราคาปรับตัวขึ้นจนเกิดแรงขายเข้ามา เพื่อต้านราคาเอาไว้ไม่ให้ขึ้นไปสูงกว่านี้ ซึ่งเกิดได้ 2 กรณี ดังนี้
- ราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้
- ราคาสามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้
🔻เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมหาแนวต้านตอนที่ราคากำลังปรับตัวขึ้น เพื่อวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้ม และหาจังหวะขายออก
. . . . . . . . . . . . .
แนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรง ดูยังไง?
เคยได้ยินไหมครับว่า “แนวรับ แนวต้าน ยิ่งมีการทดสอบมาก ยิ่งแข็งแรงมาก” เปรียบเสมือนนักรบที่เจนสนาม ซึ่งสามารถสังเกตและวิเคราะห์ได้ง่าย ๆ หากเข้าใจถึงธรรมชาติของราคาได้อย่างถ่องแท้ เนื่องจากพฤติกรรมราคาเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็น Time Loop
แนวรับที่แข็งแรงดูยังไง?
หากราคาในอดีตมีปริมาณการซื้อจำนวนมาก จะทำให้ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น จากนั้นเมื่อราคาลงมาทดสอบแนวรับ มักจะมีแรงซื้อเข้ามารับไว้จนทำให้ราคาไม่สามารถทะลุแนวรับลงไปได้
แนวต้านที่แข็งแรงดูยังไง?
หากราคาในอดีตมีปริมาณการขายจำนวนมาก จะทำให้ราคามีการปรับตัวลดลง จากนั้นเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้าน มักจะมีแรงขายเข้ามาต้านไว้จนทำให้ราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้
ตัวอย่างแนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรง

🔻เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้ Price Pattern รูปแบบเหล่านี้ ในการดูแนวรับ แนวต้านที่แข็งแรง ได้แก่ Double Top, Triple Top, Double Bottom และ Triple Bottom
กราฟแสดงการเกิด Triple Bottom ซึ่งเป็น Price Pattern ที่มีความน่าเชื่อถือสูงในการทดสอบแนวรับ ซึ่งหากราคาไม่สามารถทะลุแนวรับลงไปได้ หมายความว่า มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น
🔻คลิกอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
👉 Price Pattern คืออะไร? รวมรูปแบบที่มีโอกาสกลับตัวสูง
. . . . . . . . . . . . .
รู้หรือไม่? แนวรับ แนวต้าน สามารถสลับกันได้
🔻โปรดทราบว่า แนวรับสามารถกลายเป็นแนวต้านได้ และแนวต้านสามารถกลายเป็นแนวรับได้ หากราคาทะลุแนวรับเดิมลงมา หรือแนวต้านเดิมขึ้นไปได้
การเปลี่ยนแปลง | วิธีสังเกต |
แนวรับ เปลี่ยนเป็น แนวต้าน | ราคาเกิดการทะลุแนวรับเดิมลงมา |
แนวต้าน เปลี่ยนเป็น แนวรับ | ราคาเกิดการทะลุแนวต้านเดิมขึ้นไป |

จากกราฟจะเห็นว่า เส้นสีเขียว คือ แนวต้าน และเส้นสีฟ้า คือ แนวรับ แต่เมื่อราคาสามารถทะลุแนวรับลงมาได้ เส้นสีฟ้าจะกลายเป็นแนวต้านใหม่ และมีเส้นสีส้มเพิ่มขึ้นมาซึ่งเป็นแนวรับใหม่
. . . . . . . . . . . . .
ข้อดีของการหาแนวรับ แนวต้าน
ข้อดีของการหาแนวรับ แนวต้าน |
✅ ช่วยหาจังหวะหรือกำหนดจุดในการซื้อขาย |
✅ ช่วยให้เราสามารถเห็นกรอบการเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มคร่าว ๆ |
✅ เป็นเทคนิคพื้นฐานที่สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี |
*หมายเหตุ: แนวรับ แนวต้านจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดหากใช้ร่วมกับเทคนิคการเทรดอื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณให้ชัดเจนขึ้น เช่น อินดิเคเตอร์ และ Price Action
🔻คลิกอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
👉 5 อินดิเคเตอร์ Forex ที่ดีที่สุด ปี 2023
👉 คัมภีร์รวม! รูปแบบแท่งเทียน Price Action
ข้อควรระวังของการดูแนวรับ แนวต้าน
ข้อควรระวังของการดูแนวรับ แนวต้าน |
⚠ ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง อาจทำให้ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านได้บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลให้การมองหาสัญญาณซื้อขายยากขึ้น ดังนั้น เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ข้อมูลของแนวรับแนวต้านในอดีตมาพิจารณาร่วมด้วย |
⚠ แนวรับ แนวต้าน ไม่ใช่สัญญาณซื้อขายที่แม่นยำที่สุด ดังนั้น เทรดเดอร์ควรวิเคราะห์ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรให้มากที่สุด |
. . . . . . . . . . . . .
วิธีหาแนวรับ แนวต้าน Forex มีอะไรบ้าง?

สำหรับวิธีการหาแนวรับ แนวต้านจะแบ่งออกเป็น 3 วิธีพื้นฐาน ดังนี้
- วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากการตี Trendline
- แนวโน้ม Uptrend
- แนวโน้ม Downtrend
- แนวโน้ม Sideway
- วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากจุดสูงสุด-ต่ำสุด
- วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจาก Indicator
. . . . . . . . . . . . .
1. วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากการตี Trendline

การตี Trendline แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?
🔻Trendline คือ เส้นที่แสดงทิศทางของราคาที่มีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน โดยจะตีเส้นจาก High ไป High หรือ Low ไป Low ใน Timeframe นั้น ๆ ที่คุณใช้วิเคราะห์อย่างน้อย 2 จุดขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถเป็นแนวรับ แนวต้านที่ชัดเจนได้
การตี Trendline เป็นการหาแนวรับ แนวต้านที่เทรดเดอร์ทุกคนจำเป็นต้องรู้ และเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดในการวิเคราะห์กราฟด้วยเทคนิคทางเทคนิคอลอื่น ๆ ต่อไป โดยการตี Trendline สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทตามแนวโน้มราคา ดังนี้
- การตี Trendline ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
- การตี Trendline ในแนวโน้มขาลง (Downtrend)
- การตี Trendline ในแนวโน้มไปด้านข้าง (Sideway)
การตี Trendline หาแนวรับ แนวต้านใน Uptrend
แนวรับ | ▪ ลากเส้นใต้แท่งเทียน ▪ ลากจากราคาต่ำสุดขึ้นไปยังราคาสูงสุด |
แนวต้าน | ▪ ลากเส้นบนแท่งเทียน ▪ ลากจากราคาต่ำสุดขึ้นไปยังราคาสูงสุด |
ตัวอย่างวิธีหาแนวรับ แนวต้านใน Uptrend

จากกราฟจะสังเกตว่า ราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยในตอนแรกราคามีการลงมาทดสอบแนวรับ แต่ไม่สามารถทะลุลงมาได้ จึงเกิดการ Rebound ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน และก็ไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้เช่นกัน ทำให้ราคาเกิดการปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ราคาสามารถทะลุแนวรับลงมาได้ พร้อมเกิด Price Action รูปแบบ Down Bar ซึ่งแสดงถึง สัญญาณเตือนในการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง
การตี Trendline หาแนวรับ แนวต้านใน Downtrend
แนวรับ | ▪ ลากเส้นใต้แท่งเทียน ▪ ลากจากราคาสูงสุดลงมายังราคาต่ำสุด |
แนวต้าน | ▪ ลากเส้นบนแท่งเทียน ▪ ลากจากราคาสูงสุดลงมายังราคาต่ำสุด |
ตัวอย่างวิธีหาแนวรับ แนวต้านใน Dowtrend

จากกราฟแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน โดยจะสังเกตได้ว่า เมื่อราคาขึ้นมาทดสอบแนวต้านในแต่ละครั้ง จะไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ หรือไม่สามารถปิดตัวลงได้เช่นกัน จากนั้นราคาจึงเกิดการปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง
การตี Trendline หาแนวรับ แนวต้านใน Sideway
การตี Trendline ใน Sideway จะไม่ใช้หลักการเหมือนกับ Uptrend และ Downtrend เนื่องจากราคาไม่ได้มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้น เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะนิยมตี Trendline เป็นกรอบราคา โดยสังเกตจากการที่ราคามีการเคลื่อนที่ออกข้าง และไม่ทำ High หรือ Low ที่มากไปกว่าเดิม
ตัวอย่างวิธีหาแนวรับ แนวต้านใน Sideway

จากกราฟจะสังเกตว่า ในตอนแรกราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน จากนั้นในช่วงเวลาหนึ่งราคามีการเคลื่อนที่ออกข้าง (Sideway) แสดงถึง แรงขายที่ลดลงในชั่วขณะ หรือการมีแรงซื้อเข้ามาแต่ยังไม่มากพอ จนเกิด Price Action รูปแบบ Down Bar ที่สามารถทะลุลงจากเส้นแนวรับและปิดตัวลงได้ หมายความว่า สัญญาณเตือนที่ราคาจะไปต่อในแนวโน้มขาลงได้เกิดขึ้นแล้ว
. . . . . . . . . . . . .
2. วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากจุดสูงสุด-ต่ำสุด

การดูแนวรับ แนวต้านตามจุดสูงสุด-ต่ำสุด เปรียบเสมือนการดูภาพรวมของราคาในกรอบขนาดใหญ่ จึงนิยมใช้กับกลยุทธ์ Swing Trade และการเทรดระยะยาว ซึ่งขึ้นอยู่ TF ที่คุณเลือกใช้ และที่สำคัญการหาแนวรับและแนวต้านด้วยวิธีนี้ เราเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “แนวรับ แนวต้าน จิตวิทยา”
แนวรับ แนวต้าน จิตวิทยา คืออะไร?
ตามธรรมชาติของตลาดมักจะมีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดบริเวณจุดสูงสุดและต่ำสุดของกรอบราคา ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้ว เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดจะมีแรงขายเข้ามาจำนวนมาก จากเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่รอ Sell เพื่อทำกำไร ในทางกลับกัน เมื่อราคาวิ่งลงมาถึงจุดต่ำสุดมักจะมีแรงซื้อเข้ามาจำนวนมาก จากเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่รอ Buy เนื่องจากเป็นราคาที่นักลงทุนคาดว่าถูกที่สุด
. . . . . . . . . . . . .
3. การใช้ Indicator หาแนวรับ แนวต้าน
การใช้ Indicator หาแนวรับ แนวต้าน จะมีหลักการคล้ายการตี Trendline แต่เราจะใช้ Trendline ที่เกิดจาก Indicator มาวิเคราะห์แทนการตีเส้นเอง ซึ่งค่อนข้างให้ความแม่นยำ และมีความสะดวกมากกว่า โดยอินดิเคเตอร์ที่มีคุณสมบัติในการหาแนวรับ แนวต้านได้ มีอยู่ 3 ตัวหลัก ๆ ดังนี้
📌คุณสามารถเลือกคลิกไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ
วิธีหาแนวรับ แนวต้านจาก Moving Average

Moving Average (MA) คืออะไร?
Moving Average (MA) คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการวิเคราะห์ โดยใช้ราคาปิดย้อนหลังตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อตรวจสอบแนวรับและแนวต้าน ทำให้ MA เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เทรดเดอร์นิยมใช้ระบุแนวรับ แนวต้าน
ตัวอย่างการใช้ MA Indicator แนวรับ แนวต้าน

โดยปกติในการใช้ Moving Average Indicator เพื่อวิเคราะห์กราฟ เราจะกำหนดเส้น MA ขึ้นมา 2 เส้น สำหรับดูการ Crossover และหาสัญญาณเข้าซื้อขาย แต่หากต้องการใช้งานเพื่อเป็นแนวรับ แนวต้าน เราจะใช้เส้น MA 1 เส้นเท่านั้น ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ SMA หรือ EMA โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ และความถนัดของแต่ละบุคคล
วิธีหาแนวรับ แนวต้านจาก Bollinger Bands

Bollinger Bands (BB) คืออะไร?
Bollinger Bands (BB) คือ อินดิเคเตอร์ที่มีพื้นฐานมาจาก Moving Average ซึ่งจะประกอบไปด้วยเส้น 3 เส้น ที่ใช้เป็นตัวกำหนดแนวรับ แนวต้าน ดังนี้
- เส้น Upper Bands
- เส้น Middle Bands
- เส้น Lower Bands
ตัวอย่างการใช้ BB Indicator แนวรับ แนวต้าน

เทคนิคการดู | ความหมาย |
เส้น Upper Bands | ▪ ทำหน้าที่เป็น "แนวต้าน" |
เส้น Middle Bands | ▪ ทำหน้าที่เป็น "แนวต้าน" ของราคาที่ไม่สามารถทะลุเส้นนี้ขึ้นไปได้ |
เส้น Lower Bands | ▪ ทำหน้าที่เป็น "แนวรับ" |
วิธีหาแนวรับ แนวต้านจาก Fibonacci Retracement

Fibonacci Retracement คืออะไร?
Fibonacci Retracement คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้หาจุดพักตัวของราคาล่วงหน้า และมีระดับสำคัญ (Level) อยู่ที่ 0-100 โดยมีรายละเอียดดังนี้
เส้น Fibo ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
- แต่ละ Level จะทำหน้าที่เป็น “แนวรับ”
- ตี Fibo จากด้านล่าง (Swing Low) ขึ้นไปด้านบน (Swing High)
เส้น Fibo ในแนวโน้มขาลง (Downtrend)
- แต่ละ Level จะทำหน้าที่เป็น “แนวต้าน”
- ตี Fibo จากด้านบน (Swing High) ลงมาด้านล่าง (Swing Low)
ระดับ Fibo ที่ใช้หาแนวรับ แนวต้าน
Fibonacci Retracement จะมีระดับสำคัญอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ 61.8, 50.0 และ 38.2 เนื่องจากเป็นเป้าหมายการพักตัวของราคาส่วนใหญ่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ระดับ 61.8 คือ จุดพักตัวที่ 1 ราคามักจะมีการพักตัวบริเวณนี้
- ระดับ 50.0 คือ จุดพักตัวที่ 2 เกิดในกรณีที่ราคาทะลุลงหรือขึ้นจากจุดที่ 1 มาได้
- ระดับ 38.2 คือ จุดพักตัวที่ 3 หากราคามีแนวโน้มที่แข็งแรงจะไม่สามารถขึ้นหรือลงมาถึงจุดที่ 3 ได้ แต่ถ้าหากสามารถมาถึงจุดนี้ได้ หมายความว่า ราคามีโอกาสกลับตัวสูง
การตีเส้น Fibo หาแนวรับ แนวต้านใน Uptrend

หลักการใช้งาน Fibo ในแนวโน้มขาขึ้น | |
หน้าที่ในแต่ละเส้น | ทำหน้าที่เป็น "แนวรับ" |
การตีเส้น | ตีจาก "ล่าง" ขึ้น "บน" |
การตีเส้น Fibo หาแนวรับ แนวต้านใน Downtrend

หลักการใช้งาน Fibo ในแนวโน้มขาลง | |
หน้าที่ในแต่ละเส้น | ทำหน้าที่เป็น "แนวต้าน" |
การตีเส้น | ตีจาก "บน" ลง "ล่าง" |
. . . . . . . . . . . . .
บทสรุปของแนวรับ แนวต้าน
หากถามถึงการวิเคราะห์แบบ Technical Analysis ที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องทำความเข้าใจก่อนเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้นแนวรับ แนวต้าน ซึ่งเป็นระดับราคาที่สำคัญและถูกประเมินแล้วว่า เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านไปได้ มีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัว หรือคอนเฟิร์มการไปต่อของราคา ณ Timeframe นั้น ๆ โดยวิธีการหาแนวรับและแนวต้านสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ การตี Trendline, การดูจุดสูงสุด-ต่ำสุด และการใช้อินดิเคเตอร์เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก
ทั้งนี้ การดูแนวรับแนวต้านจำเป็นต้องวิเคราะห์ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เช่น Price Action, Price Pattern และอินดิเคเตอร์ เพื่อเพิ่มความแม่นยำให้กับสัญญาณเทรด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแนวรับ แนวต้าน
แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?
- แนวรับ (Support) คือ การที่ราคาปรับตัวลงในระดับหนึ่งจนเกิดแรงจูงใจในการเข้าซื้อ
- แนวต้าน (Resistance) คือ การที่ราคาปรับตัวขึ้นในระดับหนึ่งจนเกิดแรงจูงใจในการขายออก
แนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรงดูยังไง?
แนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรง คือ ระดับราคาที่เกิดจากการถูกทดสอบซ้ำ ๆ ซึ่งราคาจะไม่สามารถทะลุขึ้นหรือลงมาได้
แนวรับ แนวต้าน Indicator มีอะไรบ้าง?
อินดิเคเตอร์ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้หาแนวรับ แนวต้าน ได้แก่ Moving Average, Bollinger Bands และ Fibonacci Retracement
แนวรับ แนวต้าน ดูยังไง?
การดูแนวรับแนวต้านสามารถทำได้ 3 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ การตี Trendline, การดูจุดสูงสุด-ต่ำสุด และการใช้ Indicator
แนวรับ แนวต้าน Forex คืออะไร?
แนวรับ แนวต้าน Forex คือ กลยุทธ์ทาง Technical Analysis อย่างหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเทรด Forex
แนวรับ แนวต้าน หุ้น ดูยังไง?
เทคนิคการดูแนวรับ แนวต้านของทุกสินทรัพย์ใช้หลักการเดียวกัน ซึ่งเราได้อธิบายไปแล้วในบทความข้างต้น
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้
พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page