แนวรับ แนวต้าน คืออะไร? 3 วิธีการหาแบบ Basic แต่ทรงพลัง!

Table of Contents
เส้นแนวรับ แนวต้าน คือ

. . . . . . . . . . . . .

“เส้นแนวรับ แนวต้าน” เป็นการวิเคราะห์แบบ Technical Analysis ที่เบสิกที่สุดในการเทรด Forex และหุ้น แต่หากคุณสามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ เทคนิคนี้จะช่วยสร้างผลกำไรให้คุณได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องอาศัยเทคนิคขั้นสูงอื่น ๆ และที่สำคัญแนวรับแนวต้านจะทำให้คุณได้เปรียบในการกำหนดจุดเข้า-ออกในการซื้อขาย

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และการเทรด Forex รวมถึงสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคหลาย ๆ รูปแบบร่วมกันในการวิเคราะห์ เพื่อยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการเข้าซื้อขายให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

. . . . . . . . . . . . .

เส้นแนวรับ แนวต้าน Forex และหุ้น
  • แนวรับ แนวต้าน แสดงถึงระดับราคาที่สำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคา
  • แนวรับ แนวต้าน แสดงถึงระดับราคาที่สะท้อนอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply)
  • แนวรับ แนวต้าน ถูกกำหนดขึ้นตามมุมมองของแต่ละบุคคล

. . . . . . . . . . . . .

เส้นแนวรับ แนวต้าน คือ

เส้นแนวรับ แนวต้าน (Support and Resistance) คือ เส้นของระดับราคาที่ถูกประเมินแล้วว่า หากราคาสามารถทะลุผ่านไปได้ ก็จะมีโอกาสสูงที่จะกลับตัว หรือใช้คอนเฟิร์มการไปต่อของแนวโน้มเดิม

เส้นแนวรับ คือ

เส้นแนวรับ (Support) คือ ระดับราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน โดยการที่มีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนทำให้ราคาไม่สามารถลดลงต่ำกว่าระดับนั้นได้ ทำให้ราคากลับตัวขึ้นหรือชะลอการปรับตัวลง แนวรับจึงเปรียบเสมือนพื้นที่ต้านไม่ให้ราคาลดลงต่ำกว่านั้น ซึ่งเกิดได้ 2 กรณี ดังนี้

  • ราคาไม่สามารถทะลุแนวรับลงไปได้
  • ราคาสามารถทะลุแนวรับลงไปได้

🔻เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมหาแนวรับตอนที่ราคากำลังปรับตัวลง เพื่อวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้ม และหาจังหวะเข้าซื้อ

เส้นแนวต้าน คือ

เส้นแนวต้าน (Resistance) คือ ระดับราคาที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน โดยเกิดจากการที่มีแรงซื้อเข้ามาจำนวนมาก จนทำให้ราคาปรับตัวขึ้นจนเกิดแรงขายเข้ามา เพื่อต้านราคาเอาไว้ไม่ให้ขึ้นไปสูงกว่านี้ ซึ่งเกิดได้ 2 กรณี ดังนี้

  • ราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้
  • ราคาสามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้

🔻เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมหาแนวต้านตอนที่ราคากำลังปรับตัวขึ้น เพื่อวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้ม และหาจังหวะขายออก

. . . . . . . . . . . . .

เคยได้ยินไหมครับว่า “แนวรับ แนวต้าน ยิ่งมีการทดสอบมาก ยิ่งแข็งแรงมาก” เปรียบเสมือนนักรบที่เจนสนาม ซึ่งสามารถสังเกตและวิเคราะห์ได้ง่าย ๆ หากเข้าใจถึงธรรมชาติของราคาได้อย่างถ่องแท้ เนื่องจากพฤติกรรมราคาเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็น Time Loop

เส้นแนวรับที่แข็งแรงดูยังไง?

หากราคาในอดีตมีปริมาณการซื้อจำนวนมาก จนทำให้ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น จากนั้นเมื่อราคาลงมาทดสอบแนวรับ มักจะมีแรงซื้อเข้ามารับไว้จนทำให้ราคาไม่สามารถทะลุแนวรับลงไปได้

เส้นแนวต้านที่แข็งแรงดูยังไง?

หากราคาในอดีตมีปริมาณการขายจำนวนมาก จนทำให้ราคามีการปรับตัวลดลง จากนั้นเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้าน มักจะมีแรงขายเข้ามาต้านไว้จนทำให้ราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้

ตัวอย่างเส้นแนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรง

ตัวอย่างเส้นแนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรง

🔻เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้ Price Pattern รูปแบบต่าง ๆ ในการดูแนวรับ แนวต้านที่แข็งแรง เช่น  Double Top, Triple Top, Double Bottom และ Triple Bottom

จากภาพด้านบน กราฟแสดงการเกิด Triple Bottom ซึ่งเป็น Price Pattern ที่มีความน่าเชื่อถือสูงในการทดสอบแนวรับ ซึ่งหากราคาไม่สามารถทะลุแนวรับลงไปได้ หมายความว่า มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น

🔻คลิกอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

👉 Price Pattern คืออะไร? รวมรูปแบบที่มีโอกาสกลับตัวสูง

. . . . . . . . . . . . .

🔻เส้นแนวรับสามารถกลายเป็นเส้นแนวต้านได้ และเส้นแนวต้านก็สามารถกลับกลายไปเป็นเส้นแนวรับได้เช่นกัน หากราคาทะลุแนวรับเดิมลงมา หรือทะลุแนวต้านเดิมขึ้นไปได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังจากเกิดการ Breakout ครับ

การเปลี่ยนแปลง

วิธีสังเกต

แนวรับ เปลี่ยนเป็น แนวต้าน

ราคาเกิดการทะลุแนวรับเดิมลงมา

แนวต้าน เปลี่ยนเป็น แนวรับ

ราคาเกิดการทะลุแนวต้านเดิมขึ้นไป

เส้นแนวรับ แนวต้านหลังจากการเกิด Breakout

จากกราฟจะเห็นว่า เส้นสีเขียว คือ แนวต้าน และเส้นสีฟ้า คือ แนวรับ แต่เมื่อราคาสามารถทะลุแนวรับลงมาได้ เส้นสีฟ้าจะกลายเป็นแนวต้านใหม่ และมีเส้นสีส้มเพิ่มขึ้นมาเป็นแนวรับใหม่

. . . . . . . . . . . . .

✅ ช่วยหาจังหวะหรือกำหนดจุดในการซื้อขาย
✅ ช่วยให้เราสามารถเห็นกรอบการเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มคร่าว ๆ
✅ เป็นเทคนิคพื้นฐานที่สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

*หมายเหตุ: แนวรับ แนวต้านจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดหากใช้ร่วมกับเทคนิคการเทรดอื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณให้ชัดเจนขึ้น เช่น อินดิเคเตอร์ และ Price Action

🔻คลิกอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

👉 5 อินดิเคเตอร์ Forex ที่ดีที่สุด

👉 คัมภีร์รวม! รูปแบบแท่งเทียน Price Action

 ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง อาจทำให้ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านได้บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลให้การมองหาสัญญาณซื้อขายยากขึ้น ดังนั้น เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ข้อมูลของแนวรับแนวต้านในอดีตมาพิจารณาร่วมด้วย
 แนวรับ แนวต้าน ไม่ใช่สัญญาณซื้อขายที่แม่นยำที่สุด ดังนั้น เทรดเดอร์ควรวิเคราะห์ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรให้มากที่สุด

. . . . . . . . . . . . .

วิธีหาเส้นแนวรับ แนวต้าน มีอะไรบ้าง

สำหรับวิธีการหาแนวรับ แนวต้านจะแบ่งออกเป็น 3 วิธีพื้นฐาน ดังนี้

  • วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากการตี Trendline
    • แนวโน้ม Uptrend
    • แนวโน้ม Downtrend
    • แนวโน้ม Sideway
  • วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจากจุดสูงสุด-ต่ำสุด
  • วิธีการหาแนวรับ แนวต้านจาก Indicator

. . . . . . . . . . . . .

การตี Trendline หาแนวรับ แนวต้าน

การตี Trendline แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

🔻Trendline คือ เส้นที่แสดงทิศทางของราคาที่มีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน โดยจะตีเส้นจาก High ไป High หรือ Low ไป Low ใน Timeframe นั้น ๆ ที่คุณใช้วิเคราะห์อย่างน้อย 2 จุดขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถเป็นแนวรับ แนวต้านที่ชัดเจนได้

การตี Trendline เป็นการหาแนวรับ แนวต้านที่เทรดเดอร์ทุกคนจำเป็นต้องรู้ และเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดในการวิเคราะห์กราฟด้วยเทคนิคทางเทคนิคอลอื่น ๆ ต่อไป โดยการตี Trendline สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทตามแนวโน้มราคา ดังนี้

  1. การตี Trendline ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
  2. การตี Trendline ในแนวโน้มขาลง (Downtrend)
  3. การตี Trendline ในแนวโน้มไปด้านข้าง (Sideway)

แนวรับ▪ ลากเส้นใต้แท่งเทียน
▪ ลากจากราคาต่ำสุดขึ้นไปยังราคาสูงสุด
แนวต้าน▪ ลากเส้นบนแท่งเทียน
▪ ลากจากราคาต่ำสุดขึ้นไปยังราคาสูงสุด

ตัวอย่างวิธีหาแนวรับ แนวต้านใน Uptrend

การตี Trendline หาแนวรับ แนวต้านใน Uptrend

จากกราฟจะสังเกตว่า ราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยในตอนแรกราคามีการลงมาทดสอบแนวรับ แต่ไม่สามารถทะลุลงมาได้ จึงเกิดการ Rebound ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน และก็ไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้เช่นกัน ทำให้ราคาเกิดการปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ราคาสามารถทะลุแนวรับลงมาได้ พร้อมเกิด Price Action รูปแบบ Down Bar ซึ่งแสดงถึงสัญญาณเตือนในการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง

เส้นแนวรับ▪ ลากเส้นใต้แท่งเทียน
▪ ลากจากราคาสูงสุดลงมายังราคาต่ำสุด
เส้นแนวต้าน▪ ลากเส้นบนแท่งเทียน
▪ ลากจากราคาสูงสุดลงมายังราคาต่ำสุด

ตัวอย่างวิธีหาแนวรับ แนวต้านใน Dowtrend

การตี Trendline หาแนวรับ แนวต้านใน Downtrend

จากกราฟแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน โดยจะสังเกตได้ว่า เมื่อราคาขึ้นมาทดสอบแนวต้านในแต่ละครั้ง จะไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ หรือไม่สามารถปิดตัวลงได้เช่นกัน จากนั้นราคาจึงเกิดการปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง

การตี Trendline หาเส้นแนวรับ แนวต้านใน Sideway

การตี Trendline ใน Sideway จะไม่ใช้หลักการเหมือนกับ Uptrend และ Downtrend เนื่องจากราคาไม่ได้มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้น เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะนิยมตี Trendline เป็นกรอบราคา โดยสังเกตจากการที่ราคามีการเคลื่อนที่แนวราบ และไม่ทำ High หรือ Low ที่มากไปกว่าเดิม

ตัวอย่างวิธีหาแนวรับ แนวต้านใน Sideway

การตี Trendline หาแนวรับ แนวต้านใน Sideway

จากกราฟจะสังเกตว่า ในตอนแรกราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน จากนั้นในช่วงเวลาหนึ่งราคามีการเคลื่อนที่แนวราบ (Sideway) แสดงถึงแรงขายที่ลดลงในชั่วขณะ หรือการมีแรงซื้อเข้ามาแต่ยังไม่มากพอ จนเกิด Price Action รูปแบบ Down Bar ที่สามารถทะลุลงจากเส้นแนวรับและปิดตัวลงได้ หมายความว่า สัญญาณเตือนที่ราคาจะไปต่อในแนวโน้มขาลงได้เกิดขึ้นแล้ว

. . . . . . . . . . . . .

วิธีหาแนวรับ แนวต้านจากจุดสูงสุด-ต่ำสุด

การดูแนวรับ แนวต้านตามจุดสูงสุด-ต่ำสุด เปรียบเสมือนการดูภาพรวมของราคาในกรอบขนาดใหญ่ จึงนิยมใช้กับกลยุทธ์ Swing Trade และการเทรดระยะยาว ซึ่งขึ้นอยู่ TF ที่คุณเลือกใช้ และที่สำคัญการหาแนวรับและแนวต้านด้วยวิธีนี้ เราเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “แนวรับ แนวต้าน จิตวิทยา”

แนวรับแนวต้านจิตวิทยา คืออะไร?

ตามธรรมชาติของตลาดมักจะมีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดบริเวณจุดสูงสุดและต่ำสุดของกรอบราคา ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้ว เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดจะมีแรงขายเข้ามาจำนวนมาก จากเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่รอ Sell เพื่อทำกำไร ในทางกลับกัน เมื่อราคาวิ่งลงมาถึงจุดต่ำสุดมักจะมีแรงซื้อเข้ามาจำนวนมาก จากเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่รอ Buy เนื่องจากเป็นราคาที่นักลงทุนคาดว่าถูกที่สุด

. . . . . . . . . . . . .

การใช้ Indicator หาแนวรับ แนวต้าน จะมีหลักการคล้ายการตี Trendline แต่เราจะใช้ Trendline ที่เกิดจาก Indicator มาวิเคราะห์แทนการตีเส้นเอง ซึ่งค่อนข้างให้ความแม่นยำ และมีความสะดวกมากกว่า โดยอินดิเคเตอร์ที่มีคุณสมบัติในการหาแนวรับ แนวต้านได้ มีอยู่ 3 ตัวหลัก ๆ ดังนี้

📌คุณสามารถเลือกคลิกไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ

Moving AverageRead More
Bollinger BandsRead More
Fibbonacci RetracementRead More

วิธีหาแนวรับ แนวต้านจาก Moving Average

การหาแนวรับ แนวต้าน Indicator moving average

Moving Average (MA) คืออะไร?

Moving Average (MA) คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการวิเคราะห์ โดยใช้ราคาปิดย้อนหลังตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อตรวจสอบแนวรับและแนวต้าน ทำให้ MA เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เทรดเดอร์นิยมใช้ระบุแนวรับ แนวต้าน

ตัวอย่างการใช้ MA Indicator ดูแนวรับ แนวต้าน
การหาแนวรับ แนวต้าน Indicator moving average

โดยปกติในการใช้ Moving Average Indicator เพื่อวิเคราะห์กราฟ เราจะกำหนดเส้น MA ขึ้นมา 2 เส้น สำหรับดูการ Crossover และหาสัญญาณเข้าซื้อขาย แต่หากต้องการใช้งานเพื่อดูแนวรับ แนวต้าน เราจะใช้เส้น MA 1 เส้นเท่านั้น ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ SMA หรือ EMA โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ และความถนัดของแต่ละบุคคล

วิธีหาแนวรับ แนวต้านจาก Bollinger Bands

แนวรับ แนวต้าน Indicator bollinger bands

Bollinger Bands (BB) คืออะไร?

Bollinger Bands (BB) คือ อินดิเคเตอร์ที่มีพื้นฐานมาจาก Moving Average ซึ่งจะประกอบไปด้วยเส้น 3 เส้น ที่ใช้เป็นตัวกำหนดแนวรับ แนวต้าน ดังนี้

  • เส้น Upper Bands
  • เส้น Middle Bands
  • เส้น Lower Bands

ตัวอย่างการใช้ BB Indicator ดูแนวรับ แนวต้าน
การหาแนวรับ แนวต้าน Indicator bollinger bands

เทคนิคการดู

ความหมาย

เส้น Upper Bands

▪ ทำหน้าที่เป็น "แนวต้าน"

เส้น Middle Bands

▪ ทำหน้าที่เป็น "แนวต้าน" ของราคาที่ไม่สามารถทะลุเส้นนี้ขึ้นไปได้
▪ ทำหน้าที่เป็น "แนวรับ" ของราคาที่สามารถทะลุเส้นนี้ขึ้นไปได้

เส้น Lower Bands

▪ ทำหน้าที่เป็น "แนวรับ"

การหาแนวรับ แนวต้าน Indicator fibonacci retracement

Fibonacci Retracement คืออะไร?

Fibonacci Retracement คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้หาจุดพักตัวของราคาล่วงหน้า และมีระดับสำคัญ (Level) อยู่ที่ 0-100 โดยมีรายละเอียดดังนี้

เส้น Fibo ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)

  • แต่ละ Level จะทำหน้าที่เป็น “แนวรับ”
  • ตี Fibo จากด้านล่าง (Swing Low) ขึ้นไปด้านบน (Swing High)

เส้น Fibo ในแนวโน้มขาลง (Downtrend)

  • แต่ละ Level จะทำหน้าที่เป็น “แนวต้าน”
  • ตี Fibo จากด้านบน (Swing High) ลงมาด้านล่าง (Swing Low)

ระดับ Fibo ที่ใช้หาแนวรับ แนวต้าน

Fibonacci Retracement จะมีระดับสำคัญอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ 61.8, 50.0 และ 38.2 เนื่องจากเป็นเป้าหมายการพักตัวของราคาส่วนใหญ่ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ระดับ 61.8 คือ จุดพักตัวที่ 1 ราคามักจะมีการพักตัวบริเวณนี้
  • ระดับ 50.0 คือ จุดพักตัวที่ 2 เกิดในกรณีที่ราคาทะลุลงหรือขึ้นจากจุดที่ 1 มาได้
  • ระดับ 38.2 คือ จุดพักตัวที่ 3 หากราคามีแนวโน้มที่แข็งแรงจะไม่สามารถขึ้นหรือลงมาถึงจุดที่ 3 ได้ แต่ถ้าหากสามารถมาถึงจุดนี้ได้ หมายความว่า ราคามีโอกาสกลับตัวสูง

การตีเส้น Fibo หาแนวรับ แนวต้านใน Uptrend
การตีเส้น Fibo หาแนวรับ แนวต้านใน Uptrend

หลักการใช้งาน Fibo ในแนวโน้มขาขึ้น

หน้าที่ในแต่ละเส้น

ทำหน้าที่เป็น "แนวรับ"

การตีเส้น

ตีจาก "ล่าง" ขึ้น "บน"

การตีเส้น Fibo หาแนวรับ แนวต้านใน Downtrend
การตีเส้น Fibo หาแนวรับ แนวต้านใน Downtrend

หลักการใช้งาน Fibo ในแนวโน้มขาลง

หน้าที่ในแต่ละเส้น

ทำหน้าที่เป็น "แนวต้าน"

การตีเส้น

ตีจาก "บน" ลง "ล่าง"

. . . . . . . . . . . . .

หากถามถึงการวิเคราะห์แบบ Technical Analysis ที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องทำความเข้าใจก่อนเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้นแนวรับ แนวต้าน ซึ่งเป็นระดับราคาที่สำคัญและถูกประเมินแล้วว่า เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านไปได้ มีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลับตัว หรือคอนเฟิร์มการไปต่อของราคา ณ Timeframe นั้น ๆ โดยวิธีการหาแนวรับและแนวต้านสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ การตี Trendline, การดูจุดสูงสุด-ต่ำสุด และการใช้อินดิเคเตอร์เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก

ทั้งนี้ การดูแนวรับแนวต้านจำเป็นต้องวิเคราะห์ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เช่น Price Action, Price Pattern และอินดิเคเตอร์ เพื่อเพิ่มความแม่นยำให้กับสัญญาณเทรด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเส้นแนวรับ แนวต้าน

เส้นแนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

  • แนวรับ (Support) คือ การที่ราคาปรับตัวลงในระดับหนึ่งจนเกิดแรงจูงใจในการเข้าซื้อ
  • แนวต้าน (Resistance) คือ การที่ราคาปรับตัวขึ้นในระดับหนึ่งจนเกิดแรงจูงใจในการขายออก

เส้นแนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรงดูยังไง?

แนวรับ แนวต้าน ที่แข็งแรง คือ ระดับราคาที่เกิดจากการถูกทดสอบซ้ำ ๆ ซึ่งราคาจะไม่สามารถทะลุขึ้นหรือลงมาได้

เส้นแนวรับ แนวต้าน Indicator มีอะไรบ้าง?

อินดิเคเตอร์ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้หาแนวรับ แนวต้าน ได้แก่ Moving Average, Bollinger Bands และ Fibonacci Retracement

เส้นแนวรับ แนวต้าน ดูยังไง?

การดูแนวรับแนวต้านสามารถทำได้ 3 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ การตี Trendline, การดูจุดสูงสุด-ต่ำสุด และการใช้ Indicator

เส้นแนวรับ แนวต้าน Forex คืออะไร?

แนวรับ แนวต้าน Forex คือ กลยุทธ์ทาง Technical Analysis อย่างหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเทรด Forex


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense