
หลายคนอาจเพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดต่าง ๆ และยังไม่รู้ว่าจะเริ่มวิเคราะห์กราฟอย่างไร เนื่องจากเทคนิคการเทรดมีอยู่มากมาย และแต่ละอย่างต้องอาศัยประสบการณ์ โดยการวิเคราะห์พื้นฐานที่มือใหม่สามารถทำได้ง่าย ๆ คือ วิเคราะห์จาก แนวรับ แนวต้าน ซึ่งเป็นพื้นฐานการเทรดจากการวิเคราะห์กราฟที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือ ต้องรู้ว่ามันคืออะไร
แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?
แนวรับ (Support)
แนวรับ คือ จุดที่ราคาต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน ทำให้มีคนสนใจเข้าซื้อ หรือมีความต้องการซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ถ้าความต้องการซื้อมีเข้ามามากก็จะก่อให้เกิดแนวรับ ถ้าความต้องการซื้อมีเข้ามาที่ระดับราคาที่เป็นแนวรับจำนวนมากพอก็จะสามารถหยุดไม่ให้ราคาปรับตัวลดต่ำลงไปกว่าระดับราคาแนวรับ และอาจจะทำให้ราคาที่กำลังปรับตัวลดลงเกิดการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น หรืออาจจะทำให้ราคาที่กำลังปรับตัวลดลงมีการดิ่งทะลุแนวรับก็ได้ ดังนั้น การหาแนวรับจึงนิยมหาตอนที่ราคากำลังปรับตัวลดลง เพื่อคำนวณหาทิศทางตลาด และจังหวะการเข้าซื้อ
ความหมายง่าย ๆ ของแนวรับ คือ ตลาดไม่อยากให้ราคาของสินทรัพย์นั้นลงต่ำไปมากกว่านี้ จึงมีแนวป้องกันราคาไว้ ซึ่งการป้องกันนั้นอาจจะทำให้ราคาดีดขึ้นสูงได้

แนวต้าน (Resistance)
ความหมายของ แนวต้าน จะตรงข้ามกับแนวรับโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ เป็นจุดที่ราคาสูงกว่าราคาในปัจจุบัน ทำให้มีคนสนใจที่จะขาย หรือมีความต้องการที่จะขายเพิ่มมากขึ้น ถ้าความต้องการขายมีเข้ามาจำนวนมากพอก็จะสามารถหยุดไม่ให้ราคาเพิ่มขึ้นไปมากกว่าระดับราคาที่เป็นแนวต้าน และอาจจะทำให้ราคาที่กำลังปรับตัวสูงขึ้นเกิดการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง หรืออาจจะทำให้ราคาที่กำลังปรับตัวสูงขึ้นมีการพุ่งทะลุแนวต้านก็ได้ ดังนั้น การหาแนวต้านจึงนิยมหาตอนที่ราคากำลังปรับตัวสูงขึ้น เพื่อคำนวณหาทิศทางตลาด และจังหวะการขายออกไป
โดยความหมายง่าย ๆ ของแนวต้าน คือ ตลาดไม่อยากให้ราคาของสินทรัพย์นั้นขึ้นสูงไปมากกว่านี้ จึงมีแนวป้องกันราคาไว้ ซึ่งการป้องกันนั้นอาจจะทำให้ราคาลดต่ำลง
แนวรับ แนวต้าน ในตลาดแบบ Sideway
ถ้าตลาดเป็นแนวโน้มแบบ Sideway พี่โบ้แนะนำว่า ให้รอ Buy ตรงแนวรับ และ Sell ตรงแนวต้าน เนื่องจากกราฟจะวิ่งอยู่ในกรอบราคานี้ จนกว่าจะทะลุผ่านแนวรับ หรือแนวต้านฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

การหาแนวรับ-แนวต้าน
การหาแนวรับ
สามารถลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างจุดต่ำสุดของระดับราคาสินทรัพย์หนึ่ง ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน ก่อนที่ระดับราคาของสินทรัพย์นั้นจะปรับตัวขึ้น ซึ่งหากแท่งเทียนมีการกระทบเส้นที่กำหนดไว้มากเท่าไร แนวรับก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
หากแท่งเทียนกระทบเส้นแนวรับไม่ผ่านมากเท่าไร สินทรัพย์นั้นอาจจะพร้อมกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากเป็นจุดที่มีนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์มาก ขณะเดียวกัน หากแท่งเทียนกระทบเส้นแนวรับทะลุผ่านไปมากเท่าไร โอกาสที่สินทรัพย์นั้นจะเป็นขาลงก็มากเช่นเดียวกัน
การหาแนวต้าน
สามารถลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างจุดสูงสุดของระดับราคาสินทรัพย์หนึ่ง ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน ก่อนที่ระดับราคาของสินทรัพย์นั้นจะตกลง ซึ่งหากแท่งเทียนมีการกระทบเส้นที่กำหนดไว้มากเท่าไร แนวต้านก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
หากแท่งเทียนกระทบเส้นแนวต้านไม่ผ่านมากเท่าไร สินทรัพย์นั้นอาจจะเป็นขาลงยาว เนื่องจากเป็นจุดที่มีนักลงทุนเทขายมาก ขณะเดียวกัน หากแท่งเทียนกระทบเส้นแนวต้านทะลุผ่านไปมากเท่าไร โอกาสที่สินทรัพย์นั้นจะเป็นขาขึ้นก็มากเช่นเดียวกัน
โดยการหาเส้นแนวรับ และแนวต้าน เพื่อน ๆ สามารทำได้ผ่าน Indicator ต่าง ๆ
ประโยชน์ของ แนวรับ แนวต้าน
- ใช้สำหรับจับจังหวะการซื้อ-ขาย โดยบางคนจะเลือกซื้อสินทรัพย์นั้น ๆ ที่ แนวรับ แนวต้าน เพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น
- ช่วยให้นักลงทุนเห็นกรอบของราคาคร่าว ๆ ตลอดจนทิศทางของราคาว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร มีความผันผวนมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อ-ขาย
- ใช้เพื่อหาตำแหน่งเปิด Order Buy หรือ Sell เมื่อกราฟราคานั้นเข้ามาใกล้ในเส้น แนวรับ แนวต้าน
สรุปแล้ว แนวรับก็คือ จุดที่ราคาต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน และคาดว่า มัน “น่าจะ” ไม่ต่ำไปกว่านี้แล้ว ส่วนแนวต้าน คือ จุดที่ราคาสูงกว่าราคาในปัจจุบัน และคาดว่า มัน “น่าจะ” ไม่สูงไปกว่านี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งแนวรับ และแนวต้านที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ก็อาจจะมีการพลิกกลับตัวได้ ดังนั้น ต้องวางแผนการเทรดให้ดี
Source: ทีมงาน Traderbobo
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker