*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ
.
.
เพราะความสวยรอไม่ได้ ผลักดันให้กลุ่มธุรกิจความงามเติบโตอย่างก้าวกระโดด 🥰
ในอดีตความงามจากรูปลักษณ์ภายนอกอาจถูกมองเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน แต่สำหรับในยุคปัจจุบัน “เมื่อสังขารไม่เที่ยง ก็ต้องเติมแต่งกันต่อไป” ซึ่งความนิยมของธุรกิจเสริมความงาม ถูกสะท้อนออกมาในรูปแบบคลินิกความงามเปิดใหม่กว่าหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวะที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมโปรโมชันมากมายที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งชายและหญิง นอกจากนี้ ธุรกิจความงามในมุมมองของตลาดเงินยังมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างมูลค่ามหาศาล
กดที่นี่เพื่อ “คลิก” ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ
. . . . . . . . . . .
เจาะลึก! การเติบโตของหุ้นคลินิกเสริมความงาม ปี 2566 และ 2567
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเสริมความงามในไทยอย่างมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้หุ้นคลินิกเสริมความงามราคาพุ่งแรงทั่วโลก ภายใต้เทรนด์การลงทุน Health and Wellness ซึ่งไม่ใช่เพียงในตลาดโลกเท่านั้น แต่สำหรับตลาดหลักทรัพย์ไทยก็มีการเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน🔥
“5.1 พันล้านดอลลาร์” หรือ “1.9 แสนล้านบาท”
ตัวเลขข้างต้น คือ มูลค่าตลาดของธุรกิจความงามทั้งหมดในไทย ปี 2565 ส่วนในด้านของมูลค่าตลาดการแพทย์ความงาม (Aesthetic Medicine) มีการคาดการณ์ไว้ว่า ในช่วงปี 2565-2573 จะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 9.7% ซึ่งถือว่า มีการเติบโตที่ค่อนข้างสูง ทำให้หุ้นความงามกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง หลังจากถูกทิ้งไปเมื่อช่วงเกิดการแพร่ระบาด Covid-19
🔻คลินิกเสริมความงามในไทยติด Top ระดับเอเชียที่ต่างชาติให้การยอมรับ และเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีน, อินเดีย, เมียนมา และกัมพูชา เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และราคาค่อนข้างคุ้มค่า
. . . . . . . . . . .
วิเคราะห์ “โอกาสเติบโต” ของหุ้นคลินิกเสริมความงาม ปี 2566 และ 2567
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการอัปเดตเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรง และหนึ่งในนั้น คือ “Health and Wellness” ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของ Covid-19 เริ่มคลี่คลาย ราคาหุ้นกลุ่มนี้มีการทะยานขึ้นสูง โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตมาจากบทเรียนที่ทั่วโลกได้รับเกี่ยวกับสุขภาพ ทำให้ผู้คนหันมาดูแลตนเองมากขึ้นทั้งภายในและภายนอก รวมถึงได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2565 – 2570 ธุรกิจความงามในไทยจะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 6.49% จากประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้
Health and Wellness ไม่ใช่แค่การดูแลสุขภาพ
ประเด็นแรก ในหลายครั้งที่เทรนด์ Health and Wellness มักถูกกล่าวถึงเพียงในด้านการดูแลสุขภาพ หรือการรักษาต่าง ๆ แต่หากคุณได้ทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึกจะพบว่า สาขาที่มีมูลค่าธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเทรนด์โลกนี้ คือ การดูแลตัวเอง ความงาม และการชะลอวัย (Personal Care & Beauty) ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจคลินิกเสริมความงาม
อีกทั้ง จากข้อมูลของธนาคารโลกได้ระบุว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและความงามมีอัตราเทียบเท่า 5.39% ของ GDP ในประเทศ นอกจากนี้ ค่านิยมการดูแลสุขภาพในปัจจุบันย่อมมาควบคู่กับ “ความงาม” โดยคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงต้องการดูดีอยู่เสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเองอีกด้วย
ธุรกิจความงามการชะลอวัย อาจได้แรงหนุนจาก “Elderly Busines”
ประเด็นนี้สอดคล้องกับประเด็นแรก จากข้อมูลของ Roland Berger บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจระดับโลกให้คำแนะนำว่า ภายใน 7 ปีข้างหน้า โลกจะก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” มากขึ้น โดยสัดส่วนของผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% ของประชากรทั่วโลก ทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวกับยา, ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและการชะลอวัยมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งธุรกิจที่ดูเหมือนจะตอบโจทย์มากที่สุดคงหนีไม่พ้น “คลินิกเสริมความงาม”
กระแส “อินฟลูเอนเซอร์” อาจช่วยดันกระแสหุ้นคลินิกเสริมความงาม
ประเด็นต่อมา ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคของ Social Media บุคคลที่ถูกเรียกว่า “Influencer” ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อความคิดเห็น, พฤติกรรม และการตัดสินใจซื้อของผู้ติดตามเป็นอย่างมาก ซึ่งคลินิกเสริมความงามส่วนใหญ่ มักทำการโปรโมทตนเองผ่าน Influencer ชื่อดังเหล่านี้ หรือที่เราเรียกกันว่า “รีวิว” บนแพลตฟอร์มยอดนิยมต่าง ๆ เช่น YouTube และ Tiktok ซึ่งผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้บริโภครู้สึกใกล้ชิด และมีความเชื่อใจต่อคลินิกมากขึ้นอีกด้วย
ไทยขึ้นชื่อด้านคลินิกเสริมความงาม พร้อมการสนับสนุนจาก Medical Tourism
ประเด็นสุดท้าย ในด้านคลินิกเสริมความงามหรือศัลยกรรมตกแต่ง ประเทศไทยเราเองก็มีชื่อเสียงและมาตรฐานไม่แพ้กับต่างประเทศ โดยไทยนับเป็น 1 ใน 15 ประเทศที่มีการเสริมความงามมากที่สุดในปี 2563 ประกอบกับการที่ภาครัฐสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ด้วยบริการแบบพรีเมียมจากโรงพยาบาลเอกชน อีกทั้งยังมีจุดมุ่งหมายให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการรักษาสุขภาพแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Medical Hub) โดยกำลังแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดกับสิงคโปร์อย่างดุเดือด
. . . . . . . . . . .
“เพดานการเติบโต” ของหุ้นคลินิกเสริมความงาม
จริงอยู่ที่ว่า หุ้นคลินิกเสริมความงามมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต ทั้งจากเทรนด์การลงทุน และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง และนักลงทุนที่ดีย่อมประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ไว้ล่วงหน้า โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
การแข่งขันที่ “ร้อนแรง” ของคลินิกความงาม
ประเด็นแรก ถึงแม้ธุรกิจเสริมความงามจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในวงการนี้นั้นมีการแข่งขันที่สูงทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการแย่งชิงลูกค้าให้ไปใช้บริการในประเทศตนเองผ่านเอเจนซีต่าง ๆ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ เนื่องจากความนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้คำนึงถึงราคาเป็นหลัก แต่เน้นไปที่คุณภาพและผลลัพธ์ที่ตรงตามต้องการ
ทำให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแพทย์ประจำคลินิกเป็นสิ่งสำคัญ และส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ไทยยังต้องแข่งขันกันเองในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากมีประเทศอื่น ๆ เริ่มเข้ามาเจาะตลาดศัลยกรรมกันมากขึ้นอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย รวมถึงกลยุทธ์การตลาดที่มักจะ “ตัดราคากัน”
กำลังซื้อที่ “เปราะบาง” และ “เฉพาะกลุ่ม”
ประเด็นต่อมา คุณคงเคยได้ยินบทสนทนาขบขันในกลุ่มเพื่อนที่ว่า “เพราะความสวยต้องใช้เงิน” ซึ่งมาจากข้อเท็จจริงทั้งนั้น เนื่องจากการเข้าคลินิกเสริมความงามในแต่ละครั้งค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะในภาวะเงินเฟ้อ ณ ขณะนี้ และจากข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ในไตรมาสแรกของปี 2566 รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งการเข้าคลินิกเสริมความงามในแต่ละครั้งขั้นต่ำอยู่ที่ 1,500 บาท
“การแย่งชิง” บุคลากรทางการแพทย์
ประเด็นสุดท้ายสืบเนื่องมาจากประเด็นแรก ความน่าเชื่อถือของคลินิกและชื่อเสียงของบุคลากรที่ให้บริการ มีความสำคัญมากต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ซึ่งแพทย์ในคลินิกความงามจำเป็นต้องจบเฉพาะทางโดยเฉพาะการทำศัลยกรรม
“การทำศัลยกรรมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จำเป็นต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง”
“หากต้องการทำจมูกคงไม่เลือกไปหาหมอตา”
ซึ่งข้อจำกัดทางด้านนี้ อาจทำให้เกิดการแย่งชิงตัวบุคลากรทางการแพทย์ และแน่นอนว่า การเสนอผลตอบแทนที่สูงกว่าย่อมมีโอกาสชนะมากกว่า ในทางกลับกัน คลินิกจะมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และหากไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดการสะดุดของธุรกิจได้ในที่สุด
. . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . .
ส่อง! 5 หุ้นคลินิกเสริมความงามใกล้ฉัน ปี 2567
Traderbobo ได้ทำการคัดเลือก 5 หุ้นคลินิกเสริมความงามที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจของเทรดเดอร์ที่กำลังสนใจ โดยธุรกิจความงามของไทยมียักษ์ใหญ่อยู่ด้วยกัน 5 บริษัท ดังนี้
ตารางเปรียบเทียบข้อมูลหุ้นความงาม ปี 2567
ชื่อในตลาดหุ้น | ชื่อบริษัท | รายได้รวม ครึ่งปีแรก 2566 | Market Cap. |
KLINIQ | บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) | รายได้รวม 1,062.70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 139.71 ล้านบาท | 7,920 ล้านบาท |
MASTER | บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) | รายได้รวม 906.02 ล้านบาท กำไรสุทธิ 153.05 ล้านบาท | 11,040 ล้านบาท |
TRP | บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือธีรพรคลินิก | รายได้รวม 369.05 ล้านบาท กำไรสุทธิ 105.48 ล้านบาท *หมายเหตุ: TRP จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 | |
BCH | บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) | รายได้รวม 5,575.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 538.19 ล้านบาท | 51,121.83 ล้านบาท |
PRINC | บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) | รายได้รวม 2,535.38 ล้านบาท กำไรสุทธิ -514.90 ล้านบาท | 17,595.60 ล้านบาท |
หุ้น KLINIQ : บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
ภาพรวมของหุ้นคลินิกเสริมความงาม
ธุรกิจ : คลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงาม ศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพ
กำไรสุทธิครึ่งปีแรก : 139.71 ล้านบาท
มูลค่าตลาด : 7,920 ล้านบาท
P/E : 32.33 เท่า
P/BV : 4.73 เท่า
Beta* : 1.28
ราคาต่ำสุด/สูงสุด (52 สัปดาห์) : 31.50 บาท และ 47.25 บาท
งบการเงินของบริษัทคลินิกเสริมความงาม
*หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค. 2566 จาก เว็บไซต์ SET
หุ้น MASTER : บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)
ภาพรวมของหุ้นคลินิกเสริมความงาม
ธุรกิจ : ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านความงามที่ให้บริการศัลยกรรมครบวงจร
กำไรสุทธิครึ่งปีแรก : 153.05 ล้านบาท
มูลค่าตลาด : 11,040 ล้านบาท
P/E : 38.33 เท่า
P/BV : 4.45 เท่า
Beta* : 1.33
ราคาต่ำสุด/สูงสุด (52 สัปดาห์) : 44.00 บาท และ 83.18 บาท
งบการเงินของบริษัทคลินิกเสริมความงาม
*หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค. 2566 จาก เว็บไซต์ SET
หุ้น TRP : บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือธีรพรคลินิก
ภาพรวมของหุ้นคลินิกเสริมความงาม
ธุรกิจ : ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านคลินิกเวชกรรมภายใต้ชื่อ “ธีรพรคลินิก” เพื่อให้บริการศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป
*หมายเหตุ: เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 24 ต.ค. 2566
รายได้และกำไรของคลินิกเสริมความงาม TRP
หุ้น TRP ถือเป็นหุ้นคลินิกเสริมความงามน้องใหม่ที่น่าจับตามองในไทย โดยจะทำการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปลายเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งมีการทำ IPO จำนวน 90 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
ปี 2564 | ปี 2565 | ครึ่งปีแรก 2566 | |
รายได้รวม (ล้านบาท) | 427.76 | 854.07 | 369.05 |
กำไรสุทธิ (ล้านบาท) | 112.68 | 270.27 | 105.48 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) | 26.34 | 31.64 | 28.58 |
หุ้น BCH : บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)
ภาพรวมของหุ้นคลินิกเสริมความงาม
ธุรกิจ : ดำเนินธุรกิจในรูปแบบกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 15 แห่ง และโพลีคลินิก 1 แห่ง ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดและในสปป.ลาว
กำไรสุทธิครึ่งปีแรก : 538.19 ล้านบาท
มูลค่าตลาด : 51,121.83 ล้านบาท
P/E : 126.29 เท่า
P/BV : 4.27 เท่า
Beta* : 0.74
ราคาต่ำสุด/สูงสุด (52 สัปดาห์) : 16.60 บาท และ 22.20 บาท
งบการเงินของบริษัทคลินิกเสริมความงาม
*หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค. 2566 จาก เว็บไซต์ SET
หุ้น PRINC : บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน)
ภาพรวมของหุ้นคลินิกเสริมความงาม
ธุรกิจ : ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนและการบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน
กำไรสุทธิครึ่งปีแรก : -514.90 ล้านบาท
มูลค่าตลาด : 17,595.60 ล้านบาท
P/E : – เท่า
P/BV : 1.96 เท่า
Beta* : 1.38
ราคาต่ำสุด/สูงสุด (52 สัปดาห์) : 3.88 บาท และ 6.80 บาท
งบการเงินของบริษัทคลินิกเสริมความงาม
*หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค. 2566 จาก เว็บไซต์ SET
. . . . . . . . . . .
สรุป โอกาสในการเติบโตของหุ้นคลินิกเสริมความงาม ปี 2567
เทรนด์การลงทุน Health and Wellness กำลังมาแรง และธุรกิจคลินิกเสริมความงามอยู่ใกล้ตัวเรามาก แต่กลับกลายเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เนื่องจากดูแปลกใหม่ในตลาดเงินของไทย แต่หากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจะพบว่า มูลค่าของธุรกิจความงามในไทยนั้นสูงไม่แพ้กับธุรกิจด้านอื่น ๆ เลย ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน
ในทางกลับกัน จากการวิเคราะห์การเติบโตของหุ้น พบข้อจำกัดหรือเพดานการเติบโตเช่นกัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่นักลงทุนควรนำไปพิจารณาร่วมด้วยการตัดสินใจ ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หุ้นคลินิกเสริมความงาม
หุ้นความงาม 2566 มีอะไรบ้าง?
หุ้นความงามตัวดังในไทย ได้แก่ KLINIQ, MASTER, TRP, BCH และ PRINC เนื่องจากมีโอกาสเติบโตสูง และขยายสาขาหลายแห่งทั่วประเทศ รวมถึงทางคลินิกยังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้เป็นอย่างมาก
หุ้นคลินิกเสริมความงามมีอะไรบ้าง?
- KLINIQ : บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
- MASTER : บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)
- TRP : บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือธีรพรคลินิก
- BCH : บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)
- PRINC : บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน)
อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้
วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page