กราฟแท่งเทียน (Candlestick Pattern) คืออะไร?

Table of Contents
กราฟแท่งเทียน (Candlestick Pattern) คือ

ในการเทรด Forex หนึ่งในเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เทรดเดอร์นิยมใช้ ก็คือ กราฟแท่งเทียน หรือ Candlestick เพราะมันสามารถบอกข้อมูลได้มากกว่าแค่ความเปลี่ยนแปลงด้านราคาในแต่ละช่วงเวลา โดยนักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะอาศัยการสังเกตรูปแบบต่าง ๆ ของแท่งเทียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน Price Action และนำไปใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มของตลาดในอนาคต ดังนั้น พี่โบ้จึงได้จัดทำบทความนี้ขึ้นมา เพื่อให้คุณได้ทำความรู้จัก Candlestick ตั้งแต่ศูนย์จนถึงขั้นเซียน ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับกราฟแท่งเทียนนี้กันครับ

*หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกราฟแท่งเทียนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลการลงทุนและความเสี่ยงให้ละเอียดก่อนเริ่มทำการลงทุน


ไม่ควรมองข้าม Candlestick หากต้องการเข้าใจ Price Action

Candlestick เปรียบเสมือน “ภาษาของตลาด” ที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจถึง แรงซื้อ-ขาย, แนวโน้ม, จุดกลับตัว และช่วยเพิ่มความแม่นยำให้การอ่าน Price Action หากมองข้าม Candlestick ก็เหมือนการพยายามอ่านหนังสือโดยไม่เข้าใจตัวอักษรหลัก

📢 Traderbobo แนะนำ
เรียนรู้วิธีการอ่าน Price Action และเพิ่มทักษะด้วยเทคนิคอลการเทรดขั้นเทพอีกมากมายที่รวบรวมมาไว้เพื่อคุณ! ได้ที่ด้านล่างนี้ 🧐💡

Candlestick Pattern มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2267 โดย Munehisa Honma (มุเนฮิสะ ฮอนมะ) พ่อค้าข้าวในเมืองซากาตะที่ต้องการเข้าใจ จิตวิทยาของตลาด และอารมณ์ของผู้คน ได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

จึงทำให้เขาได้คิดค้น Candlestick เครื่องมือที่จะช่วยให้เขาได้เห็นถึงเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง

กราฟแท่งเทียน หรือ Candlestick คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns) คือ กราฟที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และใช้เพื่ออธิบายการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทางการเงินในช่วงเวลาหนึ่งอย่างครบถ้วนและเข้าใจง่าย ซึ่งในบริบทของตลาด Forex กราฟแท่งเทียนจะใช้ในการอธิบายค่าเงิน โดยในหนึ่งแท่งเทียนจะแทนความเคลื่อนไหวของราคาใน 1 TF (Time Frame

🔸แต่ละ TF เราสามารถกำหนดได้ว่าต้องการดูย้อนหลังที่ระยะเวลาเท่าไร ซึ่งจะมีตั้งแต่ 1 นาที, 5 นาที, 10 นาที, 1 วัน และสูงสุดอาจจะมากถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์มที่ใช้ในการเทรดครับ

ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียนมีอะไรบ้าง

ก่อนจะไปขั้นตอนต่อไป คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจส่วนประกอบของแท่งเทียน (Candlestick) ก่อนครับ โดยองค์ประกอบที่คุณควรทำความเข้าใจ มีดังนี้

  • เนื้อเทียน (Body) คือ พื้นที่สี่เหลี่ยมระหว่างราคาเปิดและราคาปิด
  • ไส้เทียน (Wick) คือ ส่วนที่เป็นเส้นบาง ๆ ยื่นออกมาจากตัวเนื้อเทียน
  • ราคาสูงสุด (High Price) คือ จุดที่ราคาเคยขึ้นไปสูงที่สุดในช่วงเวลานั้น ๆ
  • ราคาต่ำสุด (Low Price) คือ จุดที่ราคาเคยลงไปต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้น ๆ
  • ราคาปิด (Close Price) คือ ราคาสุดท้ายเมื่อสิ้นสุด Time Frame
  • ราคาเปิด (Open Price) คือ ราคาแรกเมื่อเริ่มต้น Time Frame

……………..🐶……………..

เทรดเดอร์สามารถอาศัยการดูเนื้อเทียนและไส้เทียน เพื่อช่วยเพิ่มความเข้าใจในพฤติกรรมของราคาให้ลึกซึ้งได้มากยิ่งขึ้น แล้วการดูเนื้อเทียนและไส้เทียนที่ว่า จะทำได้อย่างไร? ไปอ่านกันในหัวข้อถัดไปได้เลยครับ

ขนาดของ “ไส้เทียน” บอกอะไรเรา?

ไส้เทียน Candlestick ขนาดยาว

ขนาดของไส้เทียน Candlestick ที่ยาว จะบ่งบอกถึงการต่อสู้กันไปมาของราคาในตลาด กล่าวคือ เป็นช่วงที่ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรุนแรง แต่ก็ถูกแรงจากทิศทางตรงข้ามผลักกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ

  • สิ่งที่บอกเรา
    • ไส้เทียนด้านล่างยาว: มีแรงขายเข้ามาในตลาดจำนวนมากจนกดให้ราคาต่ำลง แต่ท้ายที่สุดก็ถูกแรงซื้อดันขึ้นมาจนราคาดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรง (เป็นสัญญาณของ แรงซื้อ ที่เข้ามาควบคุมตลาด)
    • ไส้เทียนด้านบนยาว: มีแรงซื้อพยายามดันราคาให้สูงขึ้น แต่สุดท้ายก็ถูกแรงขายเข้ามาแทรกแซง จนส่งผลให้ราคาเคลื่อนตัวลงอย่างรุนแรง (เป็นสัญญาณของ แรงขาย ที่เข้ามาควบคุมตลาด)

สรุป ขนาดไส้เทียนที่ยาวจะบ่งบอกถึงการ “ปฏิเสธ” ราคาในระดับนั้น ๆ และก็เป็นเหมือนสัญญาณเตือนถึงการกลับตัวของแนวโน้มด้วยครับ

ไส้เทียน Candlestick ขนาดสั้น

ขนาดของไส้เทียน Candlestick ที่สั้น มักบ่งบอกถึงความลังเลและไม่กล้าตัดสินใจ ยกตัวอย่างเช่น จะซื้อก็ไม่กล้า จะขายก็กลัว จึงทำให้ราคาหรือไส้เทียนไม่ได้เคลื่อนที่ไปไกลจากราคาเปิดและราคาปิดมากนัก

  • สิ่งที่บอกเรา
    • ความผันผวนต่ำ: การต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายไม่ได้มีความรุนแรงมาก
    • แนวโน้มที่แข็งแกร่ง: หากเป็นแท่งเทียนที่มีเนื้อเทียนยาวและไส้เทียนสั้นมาก (เช่น Marubozu) นั่นแสดงว่าทิศทางของราคาจะเป็นไปในทิศทางเดียวอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง

สรุป การเคลื่อนไหวของราคาเป็นไปอย่างจำกัด และไม่มีการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างแรงซื้อและแรงขาย ในช่วงเวลานั้น ๆ ครับ

ขนาดของ “เนื้อเทียน” บอกอะไรเรา?

เนื้อเทียน Candlestick ขนาดยาว

เนื้อเทียนของ Candlestick ที่มีขนาดยาว บ่งบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่มีความแข็งแกร่งและที่มีทิศทางชัดเจน

  • สิ่งที่บอกเรา
    • เนื้อเทียนสีเขียวขนาดยาว: ราคาปิดอยู่ห่างจากราคาเปิด บ่งบอกว่ามีแต่แรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
    • เนื้อเทียนสีแดงขนาดยาว: แรงขายมีอำนาจมากกว่าแรงซื้อ ส่งผลทำให้ราคาปิดอยู่ห่างจากราคาเปิดมาก

สรุป ยิ่งเนื้อเทียนยาวเท่าไหร่ ยิ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย

เนื้อเทียน Candlestick ขนาดสั้น

เนื้อเทียนของ Candlestick ที่มีขนาดสั้น บ่งบอกถึงความลังเลหรือความไม่แน่ใจของตลาด เพราะไม่ว่าราคาของสินทรัพย์จะเปิดอยู่ในระดับที่เท่าไหร่ ราคาปิดก็จะขยับออกห่างจากราคาเปิดไม่มาก

  • สิ่งที่บอกเรา
    • ความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย: แรงซื้อและแรงขายมีความสมดุลกัน ทำให้ราคาปิดไม่ได้อยู่ห่างจากราคาเปิดมากนัก
    • ระยะการเคลื่อนที่ของราคา: การเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างมีจำกัด เนื่องจากไม่มีแรงขับเคลื่อนที่มากพอจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

สรุป เนื้อเทียนสั้นแสดงถึงการต่อสู้ที่สูสีกันระหว่างแรงซื้อและแรงขาย และไม่มีฝ่ายใดสามารถเข้ามาควบคุมตลาดได้อย่างสมบูรณ์ครับ

รูปแบบของ Candlestick แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ แท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick), แท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) และแท่งเทียนที่ไม่แน่นอน (Neutral Candlestick) 

รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) คืออะไร?

แท่งเทียนขาขึ้นคืออะไร

แท่งเทียนขาขึ้น คือ แท่งเทียนที่ใช้เรียกแทนแนวโน้มของราคาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้จากตำแหน่งของราคาปิดจะอยู่สูงกว่าราคาเปิดครับ

รูปแบบแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) บอกอะไรเรา?

  • แรงซื้อชนะแรงขาย → แรงซื้อมีมากกว่าแรงขาย ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น
  • ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น → เมื่อแท่งเทียนปรากฏเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายถึงว่าตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น

รูปแบบแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) คืออะไร?

แท่งเทียนขาลงคืออะไร

แท่งเทียนขาลง คือ ตัวแทนของแนวโน้มของราคาที่กำลังปรับตัวลดลง โดยสังเกตได้จากราคาเปิดจะอยู่สูงกว่าราคาปิด

รูปแบบแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) บอกอะไรเรา?

  • แรงขายชนะแรงซื้อ → แรงขายมีมากกว่าแรงซื้อ ทำให้ราคาลดลง
  • ตลาดอยู่ในช่วงขาลง → หากแท่งเทียนปรากฏขาลงอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงตลาดที่มีแนวโน้มเป็นขาลง

รูปแบบแท่งเทียนที่ไม่แน่นอน (Neutral Candlestick) คืออะไร?

แท่งเทียนที่ไม่แน่นอนคืออะไร

แท่งเทียนรูปแบบไม่แน่นอน คือ แท่งเทียนที่บ่งบอกว่า ตลาดอยู่ในช่วงพักตัว และสามารถบ่งบอกได้ถึงความลังเลของเทรดเดอร์ในตลาด

รูปแบบแท่งเทียนที่ไม่แน่นอน (Neutral Candlestick) บอกอะไรเรา?

  • แรงซื้อที่มีเท่ากับแรงขาย → แรงซื้อมีเท่ากับแรงขาย ทำให้ราคาอยู่ตรงกลาง ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่เหนือกว่า
  • ตลาดอยู่ในช่วงพักตัว → เมื่อแท่งเทียนมีเนื้อเทียนเล็กมากและไส้เทียนยาวทั้งบนและล่าง มักแสดงถึงความลังเลและการพักตัวของตลาด

🐶 จากหัวข้อที่กล่าวไป ช่วยให้คุณได้ทราบถึงรูปแบบของแท่งเทียนทั้งสามรูปแบบกันแล้วใช่ไหมล่ะครับ แต่รู้ไหมว่าลักษณะของ Candlestick ก็สามารถบอกถึงปริมาณของแรงซื้อและแรงขายในตลาดได้อีกด้วยนะครับ

การเข้าใจรูปแบบแท่งเทียนไม่ได้จบลงเพียงแค่การแยกสีเขียวและแดง แต่เทรดเดอร์ยังต้องเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในรูปร่างของแต่ละแท่งเทียนด้วยครับ ดังนั้น ในหัวข้อนี้ พี่โบ้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจการจัดระดับ Candlestick ขาขึ้นและขาลงตามความแรงของสัญญาณ ตั้งแต่ระดับที่แรงที่สุดไปจนถึงอ่อนที่สุด โดยจะมีอยู่ 5 ตัวอย่างในแต่ละประเภทสัญญาณ ดังนี้

ประเภทของ Candlestick
ระดับความแรงของสัญญาณซื้อ (Bullish)Most Bullish
2nd Most Bullish
Normal Bullish
Neutral Bullish
■ Least Bullish
ระดับความแรงของสัญญาณขาย (Bearish)Most Bearish
2nd Most Bearish
Normal Bearish
Neutral Bearish
Least Bearish

Candlestick สามารถแบ่งประเภทตามความแข็งแกร่งของแรงซื้อ โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้

  1. Most Bullish
  2. 2nd Most Bullish
  3. Normal Bullish
  4. Neutral Bullish
  5. Least Bullish

*คำแนะนำ: เทรดเดอร์ควรใช้ Candlestick ร่วมกับเครื่องมือการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรด เพราะ Candlestick เพียงอย่างเดียวจะบ่งบอกแค่ภาพรวมของพฤติกรรมราคา แต่ไม่สามารถยืนยันถึงความแข็งแกร่งของสัญญาณนั้น ๆ ได้

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Most Bullish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Most Bullish

ลักษณะ: แท่งเทียนสีเขียวยาวเต็มตัว ไม่มีไส้เทียนทั้งบนและล่าง หรือหากมีก็จะมีไม่มาก

ความหมาย: ผู้ซื้อจะครองตลาดตลอดทั้งช่วงเวลา

สัญญาณ: มีแรงซื้อสูงสุด แสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งมาก หากเห็นแท่งเทียนลักษณะนี้เรียงกัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการเข้า Buy ครับ

รูปแบบกราฟแท่งเทียน 2nd Most Bullish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน 2nd Most Bullish

ลักษณะ: ตัวเทียนมีขนาดค่อนข้างใหญ่และอยู่ด้านบนของแท่งเทียน มีไส้เทียนมีเฉพาะด้านล่าง

ความหมาย: เริ่มมีแรงขายกลับเข้ามาในตลาด แต่แรงซื้อยังคงมีพลังมากพอที่จะผลักดันราคาให้เป็นขาขึ้นต่อได้

สัญญาณ: แรงซื้อยังคงรักษาโมเมนตัมได้เป็นอย่างดี แม้จะมีแรงขายเข้ามาต้านเล็กน้อย

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Normal Bullish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Normal Bullish

ลักษณะ: เนื้อเทียนมีขนาดปานกลาง ไส้เทียนทั้งด้านบนและด้านล่างมีขนาดยาวเล็กน้อยและเท่ากันทั้งสองฝั่ง

ความหมาย: ตลาดไม่ได้มีแรงซื้อที่โดดเด่นมากนัก แต่ยังคงแข็งแกร่งพอที่จะรักษาระดับราคาให้เป็นขาขึ้นได้

สัญญาณ: สัญญาณไม่มีความชัดเจนว่าแนวโน้มจะไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรุนแรง (แรงซื้อ = แรงขาย)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Neutral Bullish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Neutral Bullish

ลักษณะ: ตัวเทียนมีขนาดที่เล็กมาก ไส้เทียนทั้งบนและล่างมีขนาดที่ยาวมากและเท่ากันทั้งสองเส้น

ความหมาย: การต่อสู้ที่สมดุลระหว่างแรงซื้อและขาย แต่ผู้ซื้อชนะเล็กน้อย

สัญญาณ: ความไม่แน่นอนของสัญญาณค่อนข้างสูง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลงได้

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Least Bullish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Least Bullish

ลักษณะ: ไส้เทียนด้านบนมีขนาดยาวมาก

ความหมาย: ราคาเคยถูกแรงซื้อดันขึ้นไปสูงมาก แต่สุดท้ายก็ถูกแรงขายกดจนราคาปิดลงมาใกล้เคียงกับราคาเปิด

สัญญาณ: อาจเกิดการกลับตัวของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง เทรดเดอร์ควรหลีกเลี่ยงการเปิดออเดอร์ Buy ในช่วงนี้

ระดับความแรงของแรงขาย (Bearish) ใน Candlestick

กราฟแท่งเทียนหรือ Candlestick สามารถแบ่งประเภทตามความแข็งแกร่งของแรงขายได้ โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้

  1. Most Bearish
  2. 2nd Most Bearish
  3. Normal Bearish
  4. Neutral Bearish
  5. Least Bearish

*คำแนะนำ : เทรดเดอร์ควรใช้ Candlestick ร่วมกับเครื่องมือการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรด เพราะ Candlestick เพียงอย่างเดียวจะบ่งบอกแค่ภาพรวมของพฤติกรรมราคา แต่ไม่สามารถยืนยันถึงความแข็งแกร่งของสัญญาณนั้น ๆ ได้

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Most Bearish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Most Bearish

ลักษณะ: เนื้อเทียนยาวมากจนแทบมองไม่เห็นไส้เทียน

ความหมาย: แรงขายมีมากจนแรงซื้อไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้

สัญญาณ: แสดงถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนและกำลังเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง

รูปแบบกราฟแท่งเทียน 2nd Most Bearish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน 2nd Most Bearish

ลักษณะ: เนื้อเทียนอยู่บริเวณด้านล่างของแท่งเทียน ไส้เทียนมีขนาดยาวมากและไม่มีไส้เทียนด้านล่าง

ความหมาย: ราคาเคยถูกดันไปสูงมากแต่ก็ถูกกดดันลงมาด้วยแรงขาย

สัญญาณ: มีแรงขายที่สามารถชนะแรงซื้อได้ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนของการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Normal Bearish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Normal Bearish

ลักษณะ: เนื้อเทียนมีขนาดปานกลาง ไส้เทียนทั้งด้านบนและล่างมีความยาวที่เท่ากัน

ความหมาย: การต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อและแรงขาย แต่เนื่องจากแท่งเทียนเป็นขาลง แรงขายจึงชนะเล็กน้อย

สัญญาณ: มักเกิดขึ้นในช่วงตลาดที่เป็นแนวโน้มขาลง และทำหน้าที่เป็นสัญญาณยืนยันว่า แนวโน้มขาลงยังมีโอกาสวิ่งไปต่อ

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Neutral Bearish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Neutral Bearish

ลักษณะ: เนื้อเทียนมีขนาดที่เล็กมากอยู่ตรงกลางของแท่งเทียน ไส้เทียนทั้งด้านบนและล่างมีขนาดเท่ากัน

ความหมาย: ทั้งแรงซื้อและแรงขายไม่สามารถควบคุมตลาดได้อย่างสมบูรณ์ บ่งชี้ว่านักลงทุนอาจกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขาย

สัญญาณ: บ่งบอกถึงการจบลงของแนวโน้มเดิมหรือการหยุดพักตัวของราคา เพื่อเปลี่ยนทิศทาง

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Least Bearish คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Least Bearish

ลักษณะ: เนื้อเทียนมีขนาดเล็กอยู่ด้านบนสุด ไม่มีไส้เทียนด้านบนมีแต่ไส้เทียนด้านล่างที่ยาวมาก

ความหมาย: แรงซื้อที่เข้ามา มีมากจนสามารถชนะแรงขายได้

สัญญาณ: บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อที่กำลังกลับเข้ามาในตลาดจนอาจส่งผลให้ราคากลับตัวเป็นขาขึ้นครับ

……………..🐶……………..

📌 เมื่อเราสามารถมองออกแล้วว่า แท่งเทียนแต่ละแบบบ่งบอกถึงพลังการเคลื่อนไหวของราคาอย่างไร แต่คำถามก็คือ…ถ้าตลาดไม่มีทิศทางที่ชัดเจนล่ะ? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาจะไปในทิศทางไหนต่อ คำตอบที่ทุกคนสงสัยอยู่ในหัวข้อถัดไปแล้วครับ

……………..🐶……………..

แม้กราฟแท่งเทียนรูปแบบที่ไม่แน่นอนจะไม่สามารถแสดงทิศทางของตลาดที่ชัดเจนได้ แต่กราฟเหล่านี้จะช่วยบ่งบอกว่าแนวโน้มปัจจุบันจะสิ้นสุดลงหรือเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ โดยแท่งเทียนที่พี่โบ้หยิบยกมาให้ทุกคนได้ศึกษามี 4 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้

  1. Long Legged Doji
  2. Gravestone Doji
  3. Dragonfly Doji
  4. Spinning Top

*คำแนะนำ : เทรดเดอร์ควรใช้ Candlestick ร่วมกับเครื่องมือการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรด เพราะ Candlestick เพียงอย่างเดียวจะบ่งบอกแค่ภาพรวมของพฤติกรรมราคา แต่ไม่สามารถยืนยันถึงความแข็งแกร่งของสัญญาณนั้น ๆ ได้

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Long Legged Doji คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Long Legged Doji

ลักษณะ: เนื้อเทียนมีขนาดเล็กมากอยู่ตรงกลาง ไส้เทียนมีขนาดที่ยาวมากทั้งด้านล่างและด้านบน

ความหมาย: บอกถึงความลังเลของเทรดเดอร์ในตลาด และราคามีการเคลื่อนที่ขึ้น-ลงอย่างรุนแรงตลอดช่วงเวลา แต่ในที่สุดก็กลับมาปิดที่ราคาเปิดพอดี

สัญญาณ: ตลาดไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ถ้าหากเกิดหลังแนวโน้มที่แข็งแกร่ง อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวที่กำลังจะมาถึง เพราะแสดงให้เห็นว่าแรงขับเคลื่อนของแนวโน้มเดิมกำลังจะหมดลงแล้ว

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Gravestone Doji คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Gravestone Doji

ลักษณะ: เนื้อเทียนมีขนาดที่เล็กมากอยู่ตรงด้านล่างของแท่งเทียน

ความหมาย: ราคาที่สูงขึ้นอย่างรุนแรงกำลังถูกปฏิเสธ จากตอนแรกที่แรงซื้อพยายามดันราคาให้ขึ้นไป แต่สุดท้ายก็ถูกแรงขายกดลงมาจนราคาปิดที่จุดต่ำสุด

สัญญาณ: ราคากำลังกลับตัวเป็นขาลงที่แข็งแกร่ง รูปแบบนี้มักปรากฏขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นครับ

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Dragonfly Doji คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Dargonfly Doji

ลักษณะ: เนื้อเทียนขนาดเล็กมากอยู่บริเวณด้านบนของแท่งเทียน และไส้เทียนด้านล่างมีขนาดที่ยาวมาก

ความหมาย: การปฏิเสธราคาที่กำลังลดต่ำลงอย่างรุนแรง ในตอนแรกแรงขายพยายามกดราคาให้ลงไป แต่สุดท้ายก็ถูกแรงซื้อดันกลับขึ้นมาจนราคาปิดที่จุดสูงสุด

สัญญาณ: บอกถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และยังบ่งบอกว่าแรงซื้อได้กลับเข้ามาในตลาดอย่างมีพลังและพร้อมที่จะดันราคาให้กลับขึ้นไป

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Spinning Top คืออะไร?

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Spinning Top

ลักษณะ: เนื้อเทียนอยู่ตรงกลาง มีขนาดเล็ก แต่มากกว่า 3 รูปแบบที่กล่าวมา ไส้เทียนมีความยาวเท่ากันทั้งด้านบนและล่าง

ความหมาย: บ่งบอกว่าแรงซื้อและแรงขายต่อสู้กันอย่างสมดุล และแสดงถึงความไม่แน่ใจในตลาด เช่นเดียวกับ Doji แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า 

สัญญาณ: สัญญาณของการพักตัว หรือความลังเล หากเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มที่มีมาอย่างยาวนาน อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มอาจจะอ่อนแรงลงและเทรดเดอร์ควรเตรียมพร้อมสำหรับการกลับตัวครับ

🎯 คำแนะนำจากประสบการณ์ตรง: แม้ Candlestick จะเป็นหัวใจสำคัญของการอ่านราคา แต่การเทรด Forex ที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ ควรใช้กราฟแท่งเทียน ร่วมกับองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น แนวรับแนวต้าน หรืออินดิเคเตอร์ เพื่อให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดที่ครบถ้วนครับ

ข้อดีของกราฟแท่งเทียน

  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
  • ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นจิตวิทยาของตลาด
  • กราฟแท่งเทียน ถือเป็นรากฐานที่ช่วยต่อยอดให้เทรดเดอร์นำไปประยุกต์ใช้กับการเทรดทุกรูปแบบ

ข้อจำกัดของกราฟแท่งเทียน

  • ต้องใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น เนื่องจากหากดูแค่กราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว อาจตีความหมายผิดพลาดได้
  • บางครั้งแท่งเทียนก็อาจให้สัญญาณหลอกในช่วงที่มีข่าวแรง
  • มีข้อจำกัดเรื่องการให้สัญญาณ หากใช้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

กราฟแท่งเทียนหรือ Candlestick คือ ส่วนหนึ่งของกราฟเทรดที่ทำให้เรามองเห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคา รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุน ณ ช่วงเวลานั้น เพราะรูปแบบของราคาที่แสดงผ่านแท่งเทียนแต่ละแท่ง ไม่ได้สะท้อนแค่มูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่มันยังสะท้อนถึงอารมณ์ ความโลภ และความกลัวของผู้ซื้อและผู้ขายอีกด้วย

ดังนั้น ศาสตร์ของการอ่าน Candlestick ไม่ใช่แค่การดูแบบผิวเผิน แต่มันคือ การอ่านอารมณ์ของตลาดและร่องรอยของจิตวิทยานักลงทุน เพื่อนำไปคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต กราฟแท่งเทียนจึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นำมาใช้วิเคราะห์ตลาดนั่นเองครับ

……………..🐶……………..

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Candlestick Pattern

1. Candlestick Pattern PDF ดาวน์โหลดได้ที่ไหน?

ปัจจุบันทางทีมงาน Traderbobo ยังไม่มี Candlestick Pattern PDF ให้ดาวน์โหลดครับ

2. Candlestick และ Candlestick Pattern แตกต่างกันไหม?

แตกต่างกันครับ โดย Candlestick คือ แท่งเทียนเพียงแท่งเดียว แต่ Candlestick Pattern คือ รูปแบบของแท่งเทียน ซึ่งเกิดมาจาก Candlestick ที่รวมตัวกันอย่างน้อย 2 แท่งขึ้นไป

3. Candlestick แตกต่างจากกราฟเส้น (Line Chart) อย่างไร?

กราฟเส้นหรือ Line Chart จะแสดงแค่ราคาปิด แต่ Candlestick จะแสดงทั้งราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด ทำให้การอ่าน Candlestick จะเห็นแรงซื้อขายได้ชัดเจนกว่าการอ่านกราฟเส้น

4. แท่งเทียน 1 แท่ง แทนระยะเวลาเท่าไหร่?

ระยะเวลาของแท่งเทียนขึ้นอยู่กับ Time Frame ที่เทรดเดอร์เลือกใช้ครับ เช่น 1 นาที, 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน

5. สามารถใช้เทคนิคการอ่านกราฟแท่งเทียน (Candlestick) ได้กับทุกสินทรัพย์ไหม?

การอ่านกราฟแท่งเทียนสามารถนำไปใช้วิเคราะห์ได้ทุกสินทรัพย์ครับ


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Tradingsim

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ