CFD คืออะไร? กลยุทธ์การเทรด CFD มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

Table of Contents
CFD คืออะไร

โลกของการลงทุน โดยเฉพาะการเทรดออนไลน์ นักลงทุนคงคุ้นเคยกับคำว่า ‘CFD’ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเทรดทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Forex, ดัชนี, หุ้น ETF รวมไปถึง Crypto ซึ่งเราควรทำความเข้าใจถ้าอยากลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการเทรดสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

โดย CFD เป็นการเทรดอนุพันธ์รูปแบบหนึ่ง และเป็นวิธียอดนิยมที่นักลงทุนใช้กัน สามารถทำกำไรได้จากความเคลื่อนไหวของราคา แต่เราไม่ได้ถือครองสินทรัพย์นั้นจริง ๆ เป็นเพียงการทำสัญญากับโบรกเกอร์ Forex เท่านั้น ประเด็นสำคัญของการเทรดในลักษณะนี้จะมีการใช้เงินทุนน้อยกว่ารูปแบบอื่นอีกด้วย ซึ่งบทความนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจ CFD มากขึ้น

———————————— 🐶 ————————————

การเทรดแบบ CFD คืออะไร ?

CFD (Contract for Difference) หรือเรียกว่า ‘สัญญาซื้อขายส่วนต่าง’ คือ ตราสารอนุพันธ์หรือการทำสัญญาการลงทุนระหว่างนักเทรดและโบรกเกอร์รูปแบบหนึ่ง โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การหวังผลกำไรจากส่วนต่างของราคาจากเวลาที่เปิดสัญญาไปจนถึงราคา ณ เวลาที่ปิดสัญญาของราคาสินทรัพย์อ้างอิง 

CFD ทำกำไรอย่างไร ?

หลักการสำคัญของการลงทุนแบบ CFD คือ นักเทรดจะหวังผลเฉพาะจากส่วนต่างของราคาสินทรัพย์อ้างอิงเท่านั้น หมายความว่า จะเล่นเฉพาะกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิงที่กำลังขึ้น-ลงในตลาด และส่วนต่างที่จะเกิดขึ้นเมื่อนักเทรดเปิดและปิดสัญญาในแต่ละจุด ไม่ได้ทำการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงดังกล่าวจริง หรือไม่ได้ถือหุ้นจริง จึงมีลักษณะเหมือนเป็นการเก็งราคามากกว่า

ดังนั้น การเทรด CFD จึงสามารถทำกำไรได้ทั้งราคาขึ้นและราคาลง กล่าวคือ ไม่ว่าราคาจะดำเนินในทิศทางใด นักเทรดก็สามารถสร้างกำไรได้ด้วยทักษะการวิเคราะห์, ประสบการณ์ และความรู้ความสามารถ

———————————— 🐶 ————————————

CFD เทรดอะไรได้บ้าง ?

การเทรด CFD เป็นการเทรดอนุพันธ์ของสินทรัพย์อื่น ๆ และใช้เเป็นตัวแทนของของตลาดการเงินด้วยการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ ตัวอย่างตลาดการเงินที่สามารถเทรด CFD ได้ อาทิเช่น สกุลเงิน Forex, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, Cryptocurrency, ETF, พันธบัตร เป็นต้น รวมไปถึงการเทรดในตลาดที่ไม่อาจเข้าเทรดในรูปแบบอื่นได้อย่างตลาดหุ้นอีกด้วย

CFD Forex

CFD Forex สามารถเทรดได้หลายคู่สกุลเงิน และเปิดทำการซื้อขายตลอด 24 ชม. 5 วันต่อสัปดาห์อีกด้วย การเทรด CFD Forex สามารถทำกำไรให้เทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญได้อย่างมาก โดยจะทำการเก็งกำไรจากตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีความผันผวนสูงนั่นเอง

ตัวอย่าง CFD Forex ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น

  • EUR/USD
  • GBU/USD
  • EUR/GBP
  • USD/JPY

CFD ดัชนี

CFD ดัชนี เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะลงทุนในหุ้นตัวไหนหรือตราสารประเภทใดดี เพราะดัชนีหุ้นเป็นตัวแทนของหุ้นที่ถูกคัดสรรมาแล้ว ซึ่งจะสามารถวัดความสามารถของตลาดได้ หากคุณไม่สามารถทำการซื้อขายด้วยดัชนีแบบดั้งเดิม การลงทุนด้วยการเทรด CFD ดัชนีหุ้นก็สามารถใช้แทนกันได้

ตัวอย่าง CFD ดัชนี ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น

  • CFD DAX30
  • CFD FTSE100
  • CFD DJI30 (ตัวแทน Dow Jones)
  • CFD NQ100 (ตัวแทนดัชนี Nasdaq100)

CFD สินค้าโภคภัณฑ์

การเทรด CFD สินค้าโภคภัณฑ์เป็นเพียงการเทรดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเท่านั้น แต่ไม่ได้ครอบครองสินทรัพย์นั้นจริง ๆ เนื่องจากการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์แบบดั้งเดิม จะต้องเตรียมเงินลงทุนในปริมาณมาก รวมทั้งต้องจ่ายค่าจัดส่งสินค้าที่ซื้อมาด้วย ดังนั้น จึงมีการเทรด CFD สินค้าโภคภัณฑ์เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่าง CFD โภคภัณฑ์ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น

  • CFD เงิน Spot
  • CFD น้ำมันดิบ WTI
  • CFD น้ำมันดิบ Brent
  • CFD ทองคำ Spot gold

CFD หุ้น

การเทรด CFD หุ้น ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมาก ๆ เนื่องจากในการเทรด Long หรือ Buy เทรดเดอร์สามารถรับเงินปันผลของหุ้นอ้างอิงในคำสั่งเทรดด้วย CFD ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเทรด Short หรือ Sell ใน CFD หุ้นได้ด้วยซึ่งทำให้ทำกำไรได้แม้จะเป็นตลาดขาลงก็ตาม

ตัวอย่าง CFD หุ้น ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น

  • CFD หุ้น Apple
  • CFD หุ้น Facebook
  • CFD หุ้น Google
  • CFD หุ้น Tesla

———————————— 🐶 ————————————

ข้อดีข้อเสียของการเทรด CFD

ข้อดีของการเทรด CFD คืออะไร ?

• ลงทุนได้หลากหลายและง่าย

โดยเพียงแค่เราเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ใดโบรกเกอร์หนึ่ง จากนั้นก็ทำการลงทุนได้ทันที และสามารถลงทุนได้ในหลายตลาด เช่น Forex, หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ด้วยการเปิดบัญชีเพียงบัญชีเดียวเท่านั้น จึงทำให้ง่ายต่อการจัดการการลงทุนของเรา

• เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ต่างจากการลงทุนอย่างอื่น เช่น เราเชื่อว่า มูลค่าหุ้นของบริษัทนี้จะลงแน่นอน เราก็สามารถเก็งกำไรในส่วนนี้ได้ หากหุ้นของบริษัทลดลงจริง ๆ เราก็จะได้กำไรจากการเก็งกำไรนั้นด้วย แต่การลงทุนอย่างอื่นนักลงทุนจะต้องลงทุนเฉพาะที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น

• ใช้เงินลงทุนต่ำกว่าการซื้อสินทรัพย์ทั่วไป

เนื่องจากเป็นเพียงการทำสัญญากับโบรกเกอร์เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เหมือนกับซื้อหุ้นรายตัวปกติ ทั้งนี้ เงินลงทุนขั้นต่ำขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละโบรกเกอร์

ข้อเสียของการเทรด CFD คืออะไร ?

• แม้ว่าการลงทุนใน CFD จะเป็นการลงทุนที่ใช้ทุนที่ต่ำ แต่มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง

ความเสี่ยงตรงนี้มาจากการใช้ Leverage ดังนั้น นักเทรดจะต้องศึกษา และไม่ใช้ Leverage เกินตัว

• ไม่ใช่เจ้าของสินทรัพย์จริง

เนื่องจากเป็นเพียงการทำสัญญาระหว่างผู้ซื้อและโบรกเกอร์ เราจึงไม่ได้ครอบครอง หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลประกอบการของบริษัทนั้น ๆ ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญหากต้องการเทรดแบบ CFD

สรุป CFD คืออะไร ?

CFD คือการซื้อขายสัญญาส่วนต่างของราคาสินทรัพย์นั้น ๆ โดยในสัญญาจะระบุว่า จะทำการซื้อขายส่วนต่างของสินทรัพย์ ณ จุดเวลาที่ทำการเปิดสัญญาและจุดเวลาที่ทำการปิดสัญญา โดยการเทรด CFD สามารถเทรดสินทรัพย์ได้หลากหลาย อาทิเช่น

  • CFD Forex
  • CFD ดัชนี
  • CFD หุ้น
  • CFD สินค้าโภคภัณฑ์
  • CFD Cryptocurrency
  • CFD พันธบัตร

อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน CFD จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้ที่มากพอสมควร จึงจะช่วยกำจัดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ไม่ควรจะเลือกเทรดแบบไม่มีหลักการ หรือเทรดตามผู้อื่น เพราะหากไม่มีความรู้อาจทำให้คุณหมดตัว เนื่องจากการเทรดแบบ CFD ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้ Leverage ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจในการเทรด และใช้เงินทุนที่ต่ำแต่ได้มีโอกาสได้กำไรหลายเท่าตัว ในทางกลับกัน ถ้ากราฟวิ่งไปคนละทิศทางกับแนวโน้มที่เราคาดการณ์ก็สามารถทำให้พอร์ตของเราแตกได้เลย


Source: ทีมงาน Traderbobo

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: Traderbobo

อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker

Social Share
Facebook
Twitter
บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense