Forex Correlation คืออะไร? ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของคู่เงิน!

Table of Contents
Forex Correlation คืออะไร

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในฐานะเทรดเดอร์ นั่นคือ Forex Correlation หรือ ความสัมพันธ์ของคู่เงิน Forex ซึ่งเป็นข้อมูลที่ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ตลาด และคาดการณ์แนวโน้มราคาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ กลยุทธ์การเทรดแบบ Correlation ที่ถูกต้อง

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น

. . . . . . . . . . . . . . .

Forex Correlation คือ ความสัมพันธ์ของคู่เงิน Forex เป็นแนวคิดที่ใช้วิเคราะห์ว่า คู่เงินสองคู่มีความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันหรือไม่ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเทรดแบบ Forex Correlation คือ การเทรดคู่เงินระหว่าง 2 คู่เงินขึ้นไปในตลาด Forex ที่มีความสัมพันธ์การเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหรือตรงข้ามกัน ซึ่งสามารถดูความสัมพันธ์ได้จาก Correlation Coefficient

โดยทั่วไปแล้ว ค่า Correlation จะแสดงในรูปแบบของค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ซึ่งมีค่าตั้งแต่ -1 ถึง +1

  • ค่า = +1 → คู่เงินสองคู่มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน 100%
  • ค่า = 0 → ไม่มีความสัมพันธ์กัน
  • ค่า = -1 → คู่เงินสองคู่มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม 100%
  • นโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง
  • ภาวะเศรษฐกิจโลก และตลาดการเงิน
  • ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
  • ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ
  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ข้อดีของ Forex Correlation

  • บริหารความเสี่ยง: หลีกเลี่ยงการเปิดคำสั่งเทรดที่มีความสัมพันธ์กันสูงเกินไป เพื่อลดโอกาสเกิด Drawdown
  • กระจายการลงทุน: เลือกคู่เงินที่มีความสัมพันธ์ต่ำหรือเป็นลบ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุน
  • เพิ่มโอกาสในการทำกำไร: ใช้กลยุทธ์ Hedging หรือเทรดสวนทางตามค่าความสัมพันธ์ของคู่เงิน
  • วิเคราะห์แนวโน้มตลาดได้แม่นยำขึ้น: โดยใช้พฤติกรรมของคู่เงินที่เกี่ยวข้องเป็นตัวช่วยคาดการณ์แนวโน้มของตลาด

ข้อควรระวังของ Forex Correlation

  • Correlation ไม่คงที่: ความสัมพันธ์ของคู่เงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้จากปัจจัยภายในและภายนอก เช่น นโยบายการเงิน, เศรษฐกิจโลก และความผันผวนของตลาด
  • ความสัมพันธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละกรอบเวลา: Correlation ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง อาจไม่เหมือนกับ 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ดังนั้น ควรเลือก Timeframe ให้เหมาะสมกับกลยุทธ์

ประเภทของ Forex Correlation Pair แบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ ได้แก่ Correlation เชิงบวก และ Correlation เชิงลบ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. Correlation เชิงบวก (Positive Correlation) คืออะไร?

  • Correlation เชิงบวก (Positive Correlation) คือ การที่คู่เงินมีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน
  • ถ้าคู่หนึ่งขึ้น อีกคู่มักจะขึ้นตาม และถ้าคู่หนึ่งลง อีกคู่ก็มักจะลงตาม

ตัวอย่างคู่เงินที่มี Correlation เชิงบวก

  • EUR/USD และ GBP/USD → ทั้งสองคู่ใช้ดอลลาร์ (USD) เป็นสกุลเงินรอง และได้รับอิทธิพลจากปัจจัยเศรษฐกิจคล้ายกัน
  • AUD/USD และ NZD/USD → ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกัน ทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวในทิศทางคล้ายกัน

2. Correlation เชิงลบ (Negative Correlation) คืออะไร?

  • Correlation เชิงลบ (Negative Correlation) คือ การที่คู่เงินมีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม
  • ถ้าคู่หนึ่งขึ้น อีกคู่มักจะลง และถ้าคู่หนึ่งลง อีกคู่มักจะขึ้น

ตัวอย่างคู่เงินที่มี Correlation เชิงลบ

  • EUR/USD และ USD/CHF → ถ้า EUR/USD ปรับตัวขึ้น หมายความว่า USD กำลังอ่อนค่าลง ซึ่งมักจะทำให้ USD/CHF ปรับตัวลง
  • GBP/USD และ USD/JPY → ถ้า GBP/USD แข็งค่า มักจะเห็นการอ่อนค่าของ USD ซึ่งอาจทำให้ USD/JPY อ่อนตัวลงเช่นกัน

สูตรคำนวณ Forex Correlation

*หมายเหตุ: หากคุณไม่ต้องการคำนวณด้วยตัวเอง คุณสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์หรือโปรแกรมคำนวณค่า Correlation ได้

การใช้ความสัมพันธ์ของคู่เงิน (Forex Correlation) ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดได้ดีขึ้น โดยมีกลยุทธ์หลัก ๆ ดังนี้

1. กลยุทธ์ Pair Trading

  • ใช้หลักการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของคู่เงินที่มี Correlation สูง
  • เปิด Buy ในคู่เงินที่แข็งแกร่ง และเปิด Sell ในคู่เงินที่อ่อนแอกว่า

ตัวอย่าง

หาก EUR/USD และ GBP/USD มี Correlation สูง แต่ GBP/USD มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่า อาจเปิด Buy GBP/USD และ Sell EUR/USD

2. การใช้ Correlation ในการยืนยันสัญญาณเทรด

  • ใช้ความสัมพันธ์ของคู่เงินเป็นตัวกรองก่อนเปิดออเดอร์
  • เหมาะสำหรับการลดโอกาสเกิด False Signal และช่วยให้การวิเคราะห์แม่นยำขึ้น

ตัวอย่าง

หากคุณเห็นสัญญาณ Buy ใน EUR/USD แต่ USD/CHF ให้สัญญาณตรงข้าม อาจต้องพิจารณาความถูกต้องของสัญญาณอีกครั้งครับ

3. การหลีกเลี่ยง Overexposure

  • การเปิดหลายออเดอร์ในคู่เงินที่มี Correlation สูง อาจเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
  • ควรกระจายพอร์ตไปยังคู่เงินที่มี Correlation ต่ำ หรือใช้ Lot Size ที่เหมาะสม

ตัวอย่าง

หากเปิดออเดอร์ EUR/USD และ GBP/USD พร้อมกัน ซึ่งมี Correlation สูง อาจทำให้พอร์ตมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากตลาดเคลื่อนไหวผิดทาง

Forex Correlation เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของคู่เงิน ซึ่งสามารถดูค่า Correlation ได้จากเครื่องมือต่าง ๆ เช่น Myfxbook ที่ใช้วัดระดับความสัมพันธ์ระหว่างคู่เงิน

การเทรดด้วย Forex Correlation
ภาพแสดงความสัมพันธ์ของคู่เงินจาก Myfxbook

ตัวอย่างที่ 1 Correlation เชิงบวก (+0.95)

AUD/USD & AUD/CAD (Correlation: +95.5%)

  • คู่นี้มีความสัมพันธ์ เชิงบวกสูง (เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน)
  • หาก AUD/USD ปรับตัวขึ้น มีโอกาสสูงที่ AUD/CAD จะขึ้นตาม
  • หากเปิด Buy AUD/USD อาจพิจารณาเปิด Buy AUD/CAD ควบคู่กัน
  • หากต้องการเปิด Sell AUD/CAD ควรพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากทั้งสองคู่มีโอกาสเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน

ตัวอย่างที่ 2 Correlation เชิงลบ (-0.91)

AUD/USD & EUR/AUD (Correlation: -91.7%)

  • คู่นี้มีความสัมพันธ์ เชิงลบสูง (เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกัน)
  • หาก AUD/USD ปรับตัวขึ้น มีโอกาสสูงที่ EUR/AUD จะปรับตัวลง
  • หากเปิด Buy AUD/USD อาจพิจารณาเปิด Sell EUR/AUD เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวตรงข้ามกัน
  • หากต้องการเปิด Buy EUR/AUD ควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะคู่นี้มีโอกาสสูงที่ราคาจะสวนทางกัน

กราฟแสดงความแตกต่างของ Correlation คู่เงิน

ตัวอย่างความสัมพันธ์ของคู่เงิน Forex

*หมายเหตุ: ค่าความสัมพันธ์ (Correlation) ไม่ได้คงที่เสมอไป อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงจากระยะเวลาหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อคู่สกุลเงินนั้นอย่างรุนแรงในระยะสั้นครับ

เครื่องมือยอดนิยมที่ช่วยวิเคราะห์ Forex Correlation ได้ง่ายขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • ต้องการดูตาราง Correlation → ใช้ Myfxbook / Mataf.net
  • ต้องการดูกราฟ Correlation → ใช้ TradingView / MetaTrader
  • ต้องการคำนวณเอง → ใช้ Microsoft Excel

สกุลเงินบางสกุลมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าเหล่านั้น ซึ่งทำให้ค่าเงินของประเทศเหล่านั้น อาจเคลื่อนไหวตามหรือสวนทางกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. USD กับทองคำ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) และทองคำมักเคลื่อนไหวตรงข้ามกัน (Negative Correlation) เนื่องจากทองคำมีการซื้อขายเป็น USD

  • หากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง → ราคาทองคำมักจะเพิ่มขึ้น
  • หากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น → ราคาทองคำมักจะลดลง

2. AUD/USD กับทองแดง

คู่เงิน AUD/USD มีความสัมพันธ์เป็นบวก (Positive Correlation) กับราคาทองแดง เนื่องจากออสเตรเลียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของโลก

  • หากราคาทองแดงลดลง → ค่าเงิน AUD มักจะอ่อนค่าลง
  • หากราคาทองแดงเพิ่มขึ้น → ค่าเงิน AUD มักจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD

3. USD/CAD กับน้ำมันดิบ WTI

คู่เงิน USD/CAD มักเคลื่อนไหวสวนทางกับราคาน้ำมันดิบ WTI เนื่องจากแคนาดาเป็นหนึ่งในผู้ผลิต และส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ดังนั้น เศรษฐกิจของประเทศจึงได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมัน

  • หากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น → ค่าเงิน CAD แข็งค่าขึ้น → USD/CAD ปรับตัวลง
  • หากราคาน้ำมันลดลง → ค่าเงิน CAD อ่อนค่าลง → USD/CAD ปรับตัวขึ้น

Forex Correlation คือ ความสัมพันธ์ของคู่เงินที่มีความซับซ้อน แต่กลับเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถบริหารความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกลยุทธ์หลัก ๆ คือ Pair Trading, การคำนวณ Correlation และการลดความเสี่ยงจาก Overexposure ครับ

📢 Traderbobo แนะนำ

หากคุณต้องการศึกษาการวิเคราะห์แบบ Fundamental อื่น ๆ สามารถคลิกเข้าไปอ่านต่อได้ที่บทความข้างล่างนี้เลยครับ ซึ่ง Traderbobo ได้ทำการสรุปวิธีใช้ไว้อย่างละเอียด และเข้าใจง่ายมาก 🥰

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense