คำสั่งซื้อขาย Forex คืออะไร? รวมทุกคำสั่งที่มือใหม่ต้องรู้!

Table of Contents
คำสั่งซื้อขาย Forex คืออะไร

การเทรดในตลาด Forex ไม่ใช่แค่การเลือกคู่เงินแล้วกดซื้อหรือขายเท่านั้น แต่ยังมีคำสั่งอีกหลายประเภทที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และจัดการความเสี่ยงให้กับคุณได้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง Traderbobo ได้สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับคำสั่งซื้อขาย Forex พร้อมทั้งแนะนำวิธีใช้งาน เพื่อให้คุณก้าวเข้าสู่ตลาดแห่งนี้ได้อย่างมั่นใจมากขึ้นครับ

*หมายเหตุ: การเทรดฟอเร็กซ์เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งการเลือกใช้ประเภทคำสั่งซื้อขายให้เหมาะสมจะช่วยจัดการความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ครับ ทั้งนี้ คุณควรศึกษาคำสั่งประเภทต่าง ๆ และเงื่อนไขของแต่ละโบรกเกอร์อย่างละเอียด

. . . . . . . . . . . . . . .

คำสั่งซื้อขาย Forex คือ การส่งคำสั่งผ่านแพลตฟอร์มการเทรด เช่น MT4, MT5 และ WebTrader เพื่อทำการเปิดหรือปิดออเดอร์ในการเทรดคู่เงิน โดยคุณสามารถกำหนดราคาหรือเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ต้องการ

  • ลดความกดดันในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา เพราะคำสั่งซื้อขายสามารถทำงานได้เองอัตโนมัติตามที่คุณตั้งเงื่อนไขไว้
  • สามารถกำหนดจุดเข้า-ออกได้ล่วงหน้า
  • เพิ่มโอกาสในการทำกำไร

  • จำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับคำสั่งซื้อขายแต่ละประเภทอย่างชัดเจน
  • ถึงแม้จะมีการตั้งคำสั่งซื้อขาย แต่บางโบรกเกอร์อาจเกิด Slippage และ Requote ได้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
  • บางโบรกเกอร์อาจมีข้อกำหนดในการตั้งคำสั่งซื้อขาย

. . . . . . . . . . . . . . .

คำสั่งซื้อขาย Forex ที่เทรดเดอร์ทุกคนควรทำความเข้าใจแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • คำสั่งซื้อขายพื้นฐาน (Basic Forex Orders)
  • คำสั่งซื้อขายทันที (Market Orders)
  • คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Pending Orders)
  • คำสั่งทำกำไรและป้องกันการขาดทุน (Risk Management Orders)

ตารางเปรียบเทียบประเภทคำสั่งซื้อขาย Forex

ตารางสรุปประเภทคำสั่งซื้อขาย Forex มีอะไรบ้าง สำหรับมือใหม่

*หมายเหตุ: คุณควรตั้ง Take Profit และ Stop Loss ทุกครั้ง เพื่อกำหนดเป้าหมายในการทำกำไร และจำกัดการขาดทุนทุกครั้ง ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ Risk Management Orders ของบทความนี้ครับ

คำสั่งซื้อขายพื้นฐาน (Basic Forex Orders) คือ คำสั่งเริ่มแรกที่ใช้ในการเทรดฟอเร็กซ์ โดยมีคำสั่งหลัก คือ Buy และ Sell ซึ่งเป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้ เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นในการทำกำไร อีกทั้งยังเป็นพื้นฐานที่จำเป็นต้องนำไปเชื่อมโยงกับคำสั่งประเภทอื่น ๆ อีกด้วยครับ

ประเภทคำสั่งซื้อขายพื้นฐาน (Basic Forex Orders)

สั่งซื้อขายพื้นฐาน (Basic Forex Orders) แบ่งออกเป็น 2 คำสั่งหลัก ๆ ดังนี้

  • Buy: คำสั่ง ซื้อคู่เงิน ใช้ในกรณีที่คุณคาดว่า ราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต
  • Sell: คำสั่ง ขายคู่เงิน ใช้ในกรณีที่คุณคาดว่า ราคาจะปรับตัวลงในอนาคต

คำสั่งเปิดออเดอร์ Buy คือ การเปิดออเดอร์เพื่อ “ซื้อคู่เงิน” ใช้ในกรณีที่คุณคาดว่า “ราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Long Position

ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Buy

หากคุณคาดการณ์ว่า ราคา XAUUSD จะเพิ่มขึ้นจาก 1.1000 ไป 1.1200 คุณสามารถเปิดออเดอร์ Buy เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เพิ่มขึ้น

2. คำสั่งเปิดออเดอร์ Sell คืออะไร?

คำสั่งเปิดออเดอร์ Sell คือ การเปิดออเดอร์เพื่อ “ขายคู่เงิน” ใช้ในกรณีที่คุณคาดว่า “ราคาจะปรับตัวลงในอนาคต” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Short Position

ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Sell

หากคุณคาดการณ์ว่า XAUUSD จะลดลงจาก 1.1200 ไป 1.1000 คุณสามารถเปิดออเดอร์ Sell เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ลดลง

คำแนะนำการใช้คำสั่งซื้อขาย Forex จาก Traderbobo

📢 Traderbobo แนะนำ

ส่วนใหญ่เราจะนิยมใช้คำสั่ง Buy ในกรณีที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) และใช้คำสั่ง Sell ในกรณีที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) ครับ

ทั้งนี้ คำสั่ง Buy และ Sell สามารถนำไปปรับใช้ได้ในอีกหลายกรณี ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่คุณเลือกใช้ เช่น การเปิดออเดอร์ Buy เมื่อราคาแตะแนวรับของ Fibo หรือการเปิดออเดอร์ Sell เมื่อราคาทะลุเส้นแนวรับ

คำสั่งซื้อขายทันที (Market Orders) คือ คำสั่งเปิดออเดอร์ทันทีตามราคาตลาดปัจจุบัน โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม เพียงคุณเลือกว่า ต้องการซื้อหรือขายคู่เงินเท่านั้น

ประเภทคำสั่งซื้อขายทันที (Market Orders)

คำสั่งซื้อขายทันที (Market Orders) แบ่งออกเป็น 2 คำสั่งหลัก ๆ ดังนี้

  • Market Execution: เปิดออเดอร์ทันที แม้ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างดำเนินการ
  • Instant Execution: เปิดออเดอร์ทันที แต่หากราคามีการเปลี่ยนแปลงระหว่างดำเนินการ ระบบจะไม่สามารถเปิดออเดอร์ได้ และคุณต้อง ยืนยันราคาใหม่ อีกครั้ง

1. Market Execution คืออะไร?

Market Execution คือ การเปิดออเดอร์ทันทีตามราคาตลาดที่โบรกเกอร์เสนอ โดยราคาที่คุณเลือกอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ระหว่างดำเนินการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เราเรียกว่า Slippage (ราคาที่เปิดออเดอร์ได้อาจสูง หรือต่ำกว่าราคาที่คุณเลือกในตอนแรก)

ข้อดีของคำสั่ง Market Execution
  • เปิดออเดอร์ได้อย่างรวดเร็ว
  • โดยทั่วไปหากใช้คำสั่งนี้จะไม่มีการปฏิเสธคำสั่งซื้อขาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระบบของโบรกเกอร์ที่คุณเลือกใช้
  • เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น

ข้อเสียของคำสั่ง Market Execution
  • ราคาที่เปิดออเดอร์อาจไม่ตรงตามที่คุณเลือกไว้ในตอนแรก
  • มีโอกาสเกิด Slippage โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรือในช่วงที่มีข่าว
  • ผลกระทบจาก Slippage อาจส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนของคุณ

ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Market Execution

สมมติว่า คุณต้องการซื้อคู่เงิน EURUSD ที่ราคา 1.2000 และกดเปิดออเดอร์ Buy ในขณะที่ราคากำลังขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว ราคาที่คุณจะได้รับอาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็น 1.2001 หรือ 1.1998 แทนที่จะเป็น 1.2000 ตามที่คุณเห็นในตอนแรกครับ

2. Instant Execution คืออะไร?

Instant Execution คือ การเปิดออเดอร์ทันทีตามราคาตลาดที่โบรกเกอร์เสนอเช่นเดียวกับ Market Execution แต่หากราคามีการเปลี่ยนแปลงระหว่างดำเนินการ ระบบจะไม่มีการเปิดออเดอร์และจะเสนอราคาใหม่ให้กับคุณ โดยคุณต้องกดยืนยันการเปิดออเดอร์ที่ราคาใหม่อีกครั้ง จึงจะสามารถส่งคำสั่งต่อได้ ซึ่งในกรณีนี้เรียกว่า Requote (ปฏิเสธการเปิดออเดอร์ และเสนอราคาใหม่ให้)

ข้อดีของคำสั่ง Instant Execution
  • สามารถเลือกราคาที่ต้องการเปิดออเดอร์ได้อย่างแม่นยำ
  • หากราคามีการเปลี่ยนแปลง คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเปิดออเดอร์ที่ราคาใหม่ต่อไปหรือไม่

ข้อเสียของคำสั่ง Instant Execution
  • อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเปิดออเดอร์
  • มีโอกาสเกิด Requote โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรือในช่วงที่มีข่าว
  • อาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่ต้องอาศัยความเร็วในการเปิดออเดอร์

ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Instant Execution

สมมุติว่า คุณต้องการซื้อคู่เงิน EURUSD ที่ราคา 1.2000 และกดเปิดออเดอร์ Buy แต่ในขณะที่คุณกำลังดำเนินการ ราคาของคู่เงิน EURUSD เปลี่ยนไปเป็น 1.2001 หรือ 1.1998 แทน ดังนั้น ราคาที่เลือกไว้ในตอนแรกจะไม่สามารถเปิดออเดอร์ได้ จนกว่าคุณจะกดยืนยันราคาใหม่ที่ทางโบรกเสนอให้ครับ

คำแนะนำการใช้คำสั่งซื้อขาย Forex จาก Traderbobo

📢 Traderbobo แนะนำ

คำสั่ง Market Execution เหมาะสำหรับกลยุทธ์ที่ต้องการความเร็ว เช่น Scalping แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในช่วงตลาดผันผวนสูง เพื่อลดความเสี่ยงจาก Slippage

คำสั่ง Instant Execution เหมาะสำหรับกลยุทธ์ที่ต้องการราคาที่แม่นยำในการเปิดออเดอร์ เช่น การเทรดที่ใช้แนวรับ-แนวต้าน แต่คุณต้องเตรียมรับมือกับความล่าช้าจาก Requote

คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Pending Orders) คือ คำสั่งที่ตั้งการซื้อหรือขายคู่เงินไว้ล่วงหน้า เพื่อรอเปิดออเดอร์ตามราคาที่ต้องการในอนาคต ซึ่งแตกต่างจาก Market Orders ที่เปิดทันทีตามราคาปัจจุบัน

ประเภทคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Pending Orders)

คำสั่งซื้อขายทันที (Market Orders) แบ่งออกเป็น 6 คำสั่งหลัก ๆ ดังนี้

  • Buy Limit: คำสั่ง ซื้อเมื่อราคาลดลง ถึงระดับที่กำหนดไว้ โดยคุณคาดว่า ราคาจะกลับตัวขึ้น หลังจากแตะระดับนั้น
  • Sell Limit: คำสั่ง ขายเมื่อราคาเพิ่มขึ้น ถึงระดับที่กำหนดไว้ โดยคุณคาดว่า ราคาจะกลับตัวลง หลังจากแตะระดับนั้น
  • Buy Stop: คำสั่ง ซื้อเมื่อราคาเพิ่มขึ้น ถึงระดับที่กำหนดไว้ โดยคุณคาดว่า ราคาจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากนั้น
  • Sell Stop: คำสั่ง ขายเมื่อราคาลดลง ถึงระดับที่กำหนดไว้ โดยคุณคาดว่า ราคาจะลดลงต่อเนื่อง หลังจากนั้น
  • Buy Stop Limit: คำสั่งที่เริ่มต้นด้วย Buy Stop และเมื่อถึงราคานั้นจะเปลี่ยนเป็น Buy Limit เหมาะสำหรับการตั้งราคาซื้อเฉพาะเจาะจงในกรณีที่ราคาทะลุแนวต้าน
  • Sell Stop Limit: คำสั่งที่เริ่มต้นด้วย Sell Stop และเมื่อถึงราคานั้นจะเปลี่ยนเป็น Sell Limit เหมาะสำหรับการตั้งราคาขายเฉพาะเจาะจงในกรณีที่ราคาทะลุแนวรับ

ข้อดีของคำสั่ง Pending Orders

  • ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
  • ควบคุมราคาที่ต้องการเข้าเทรดได้
  • เหมาะกับกลยุทธ์ที่รอราคาแตะจุดสำคัญ
  • ลดความเสี่ยงจากการเปิดออเดอร์ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

ข้อเสียของคำสั่ง Pending Orders

  • หากราคาตลาดไปไม่ถึงระดับที่ตั้งไว้ คำสั่งจะไม่ดำเนินการ
  • คำสั่ง Pending Orders อาจถูกปฏิเสธในโบรกเกอร์ที่ใช้ระบบ Instant Execution
  • สามารถเกิด Slippage หรือ Requote ได้ แม้มีการตั้งคำสั่งซื้อขายไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Pending Orders

  • Buy Limit: ราคา GBPUSD อยู่ที่ 1.4000 และคุณคาดว่า ราคาจะลดลงไปที่ 1.3900 ก่อนที่จะกลับตัวขึ้น คุณสามารถตั้งคำสั่ง Buy Limit ที่ 1.3900 เพื่อซื้อเมื่อราคาลดลงถึงจุดนี้
  • Sell Limit: ราคา EURUSD อยู่ที่ 1.2000 และคุณคาดว่า ราคาจะขึ้นไปถึง 1.2100 ก่อนที่จะเริ่มลดลง คุณสามารถตั้งคำสั่ง Sell Limit ที่ 1.2100 เพื่อขายเมื่อราคาขึ้นถึงระดับนี้
  • Buy Stop: ราคา AUDUSD อยู่ที่ 0.7500 และคุณคาดว่า เมื่อราคาผ่านไปถึง 0.7600 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณสามารถตั้งคำสั่ง Buy Stop ที่ 0.7600 เพื่อซื้อเมื่อราคาผ่านระดับนี้
  • Sell Stop: ราคา USDJPY อยู่ที่ 110.50 และคุณคาดว่า ราคาจะลดลงไปที่ 110.00 และจะลดลงอย่างต่อเนื่อง คุณสามารถตั้งคำสั่ง Sell Stop ที่ 110.00 เพื่อขายเมื่อราคาลดลงถึงระดับนี้
  • Buy Stop Limit: ราคา USDCHF อยู่ที่ 0.9500 และคุณคาดว่า หากราคาผ่าน 0.9600 ราคาจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คุณสามารถตั้งคำสั่ง Buy Stop ที่ 0.9600 ตามด้วยคำสั่ง Buy Limit ที่ 0.9650 เพื่อควบคุมราคาที่คุณต้องการซื้อ
  • Sell Stop Limit: ราคา NZDUSD อยู่ที่ 0.6900 และคุณคาดว่า หากราคาต่ำกว่า 0.6800 ราคาจะลดลงต่อเนื่อง คุณสามารถตั้งคำสั่ง Sell Stop ที่ 0.6800 ตามด้วยคำสั่ง Sell Limit ที่ 0.6750

คำแนะนำการใช้คำสั่งซื้อขาย Forex จาก Traderbobo

📢 Traderbobo แนะนำ

Sell Limit และ Buy Limit ใช้ได้ดีในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้ม Sideway และคาดว่าราคาอาจเกิดการกลับตัวขึ้นหรือลงจากจุดที่คุณเปิดออเดอร์ไว้

Sell Stop และ Buy Stop ใช้ได้ดีในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มชัดเจน เหมาะสำหรับการเทรดเมื่อราคาผ่านจุดสำคัญไปแล้ว

Stop Limit ช่วยให้คุณควบคุมราคาได้อย่างแม่นยำ ในกรณีที่คุณต้องการตั้งราคาซื้อหรือขายแบบเฉพาะเจาะจง

คำสั่งทำกำไรและป้องกันการขาดทุน (Risk Management Orders) คือ คำสั่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการรักษากำไร

ประเภทคำสั่งทำกำไรและป้องกันการขาดทุน (Risk Management Orders)

คำสั่งทำกำไรและป้องกันการขาดทุน (Risk Management Orders) แบ่งออกเป็น 3 คำสั่งหลัก ๆ ดังนี้

  • Take Profit (TP): คำสั่ง ปิดออเดอร์ อัตโนมัติ เมื่อ ได้กำไร ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว
  • Stop Loss (SL): คำสั่ง ปิดออเดอร์ อัตโนมัติ เมื่อ ขาดทุน ถึงระดับที่กำหนด
  • Trailing Stop: เครื่องมือช่วย เลื่อนจุด Stop Loss ตามการเคลื่อนไหวของราคา

ข้อดีของคำสั่ง Risk Management Orders

  • ควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คำสั่ง Take Profit ช่วยล็อกกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมายที่กำหนด
  • คำสั่ง Trailing Stop ปรับตัวตามการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นบวก ช่วยรักษากำไรในกรณีที่ราคาย้อนกลับ
  • จัดการพอร์ตได้แม้จะไม่ได้ติดตามตลาดแบบเรียลไทม์
  • กำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจนและดำเนินการได้อย่างมีระบบ

ข้อเสียของคำสั่ง Risk Management Orders

  • อาจพลาดโอกาสทำกำไรในบางสถานการณ์
  • การตั้งค่า Stop Loss ใกล้เกินไปอาจทำให้ถูก Stop Out บ่อยครั้ง
  • การตั้ง Take Profit ไกลเกินไปอาจทำให้ราคามาไม่ถึง และกลับตัวจนขาดทุน
  • ต้องอาศัยความเข้าใจและการปรับใช้อย่างเหมาะสม

ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Risk Management Orders

  • Take Profit (TP): หากคุณตั้ง TP ที่ 1.2200 เมื่อราคามาถึงระดับนี้ ออเดอร์จะทำการปิดเพื่อทำกำไรโดยอัตโนมัติ
  • Stop Loss (SL): หากคุณตั้ง SL ที่ 1.1800 เมื่อราคามาถึงระดับนี้ ออเดอร์จะทำการปิดเพื่อหยุดขาดทุนโดยอัตโนมัติ
  • Trailing Stop: คุณเปิดออเดอร์ Buy EURUSD ที่ราคา 1.1200 โดยตั้ง TP ที่ 1.2200, SL ที่ 1.1000 และ Trailing Stop ที่ 50 pips เมื่อราคาขึ้นไปถึง 1.1250 จุด Stop Loss จะเลื่อนจาก 1.1000 ไปที่ 1.1050 จากนั้นเมื่อราคาขึ้นไปถึง 1.2200 ระบบจะปิดคำสั่งซื้อโดยอัตโนมัติทันที ซึ่งทำให้คุณได้กำไรเต็มจำนวนที่คุณตั้งไว้ใน TP

คำแนะนำการใช้คำสั่งซื้อขาย Forex จาก Traderbobo

📢 Traderbobo แนะนำ

สำหรับมือใหม่ ผมแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด และใช้ Risk-Reward Ratio ที่เหมาะสม เช่น 1:2 ครับ

และใช้ Trailing Stop ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มชัดเจน และมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เช่น Breakout หรือ Trend Following

  • เริ่มต้นด้วยคำสั่งง่าย ๆ อย่าง Market Orders เพื่อทำความเข้าใจตลาด
  • ตั้ง Stop Loss และ Take Profit เสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • ทดลองใช้ Pending Orders เพื่อฝึกตั้งคำสั่งล่วงหน้า และพัฒนาทักษะการเทรดของคุณ
  • ศึกษาการใช้งาน Trailing Stop เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกำไร

1. คำสั่งซื้อขายในตลาด Forex มีกี่ประเภท?

คำสั่งซื้อขายในตลาด Forex มี 4 ประเภท ได้แก่ Basic Forex Orders, Market Orders, Pending Orders และ Risk Management Orders โดยในแต่ละประเภทจะมีคำสั่งย่อยเพิ่มเติมอีกครับ

2. Market Orders และ Pending Orders ต่างกันอย่างไร?

Market Orders คือ การเปิดออเดอร์ทันทีตามราคาปัจจุบัน ในขณะที่ Pending Orders คือ การส่งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเปิดออเดอร์อัตโนมัติตอนที่ราคาไปถึงระดับที่กำหนด

3. การเปิดออเดอร์ Forex คืออะไร?

การเปิดออเดอร์ Forex คือ การส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อเริ่มต้นการเทรดคู่เงินผ่านแพลตฟอร์มเทรด เช่น MT4, MT5 หรือ WebTrader

4. การปิดออเดอร์ Forex คืออะไร?

การปิดออเดอร์ Forex คือ การสิ้นสุดคำสั่งซื้อขายที่คุณเปิดไว้ โดยมีเป้าหมายเพื่อล็อกกำไร หรือหยุดการขาดทุนตามแผนที่วางไว้

. . . . . . . . . . . . . . .

คำสั่งซื้อขาย Forex เป็นเครื่องมือสำคัญของทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณบริหารความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสสร้างผลกำไรในตลาด Forex

ทั้งนี้ การเลือกโบรกเกอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวดีแค่ไหน แต่หากโบรกเกอร์ที่คุณใช้งานมีปัญหาด้านระบบเทรด เช่น Slippage หรือ Requote อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไรได้ ดังนั้น โบรกเกอร์ที่ดีจะทำให้คุณมีชัยไปกว่าครึ่งครับ

เทรดด้วยข้อเสนอที่ดีกว่ากับ
IUX
เทรดด้วยข้อเสนอ
ที่ดีกว่ากับ IUX

สเปรดต่ำ เริ่มต้น 0.2 Pips คงที่ แม้ช่วงตลาดผันผวน ทำให้เทรดได้มั่นใจทุกครั้ง อีกทั้งยังไม่มีค่า Swap ทุกบัญชี!

📢 Traderbobo แนะนำ

รวมทุกเนื้อหาเกี่ยวกับ Forex ไว้ที่นี่! เหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และมืออาชีพ พร้อมสอดแทรกเทคนิคจาก Traderobobo ที่หาไม่ได้จากที่อื่น คลิกอ่านต่อที่บทความข้างล่างเลยครับ 🥰

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง และการเทรดฟอเร็กซ์ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงควรตั้ง TP และ SL ทุกครั้งเมื่อทำการเทรด ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense