สรุปผลการประชุม FED เเละผลกระทบต่อตลาดการลงทุน

Table of Contents

ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ โดย FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ครั้งแรกรอบ 4 ปี เเละจะมีการส่งสัญญาณขึ้นต่อเนื่องอีก 6 ครั้ง ในทุกการประชุมของ FED สำหรับปีนี้ โดยคาดการณ์ว่า ตอนปลายปีอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะอยู่ที่ 1.9% พร้อมปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ลงเหลือ 2.8% จากเดิม 4%

เเต่สิ่งที่เป็นปัจจัยบวกอย่างมากต่อตลาด คือ FED ส่งสัญญาณชัดเจนในเรื่องของการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดย FED กล่าวชัดเจนว่า เศรษฐกิจกำลังเติมโตอย่างเเข็งเเกร่ง ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลไปได้ระดับหนึ่ง ณ ตอนนี้ FED มุ่งเน้นไปที่การเเก้ปัญหาในเรื่องของความเสถียรภาพทางด้านราคา หรือเงินเฟ้อที่สูง ซึ่งจะต้องเเก้ปัญหาด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเเบบค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับผลกระทบต่อตลาดลงทุนที่จะเกิดขึ้น เเน่นอนว่าตลาดคลายความกังวลระยะสั้น เเต่ความผันผวนยังอยู่อีกนานเลยทีเดียว ประเด็นเเรก คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อ เเละทำให้ราคาสินค้ายังสูงอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังสามารถกดดันตลาดการลงทุนได้อยู่ ประเด็นที่สอง คือ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ เเละจีน เป็นที่กังวลว่า หากจีนเอนเอียงไปทางรัสเซียมากเกินไป จะทำให้ความสัมพันธ์เเย่ลง ที่สำคัญหากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ เเละจีนเกิดรอยร้าวนั่นจะสร้างผลกระทบรุนเเรงยิ่งกว่ารัสเซียเเละยูเครนเสียอีก เนื่องจากจีนทำการค้ากับทั่วโลก

สำหรับความเสี่ยงในการลงทุนตอนนี้ ตลาดยังต้องจับตาดูว่า ทุกครั้งของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับจากนี้ไป จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ซึ่งประเด็นนี้สามารถวัดได้จากตัวเลขเงินเฟ้อ เนื่องจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น เเละหากสงครามยังยืดเยื้อต่อไปอาจทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาสูงอีกครั้ง เเละสิ่งเหล่านี้เป็นความไม่เเน่นอนที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในช่วงนี้ควรคำนึงถึงสภาพคล่องเป็นหลัก โดยมองมุมของตลาดในระยะยาว เนื่องจากปัจจัยผันเเปรยังค่อนข้างมากต่อตลาดระยะสั้นเเละยังมีความไม่เเน่นอนสูง ที่สำคัญอย่าพึ่งกังวลว่าจะตกรถเกินไปกันเลยครับ เนื่องจากตลาดยังไม่นิ่งจากตัวเลขเงินเฟ้อ รวมถึงเรื่องของสงครามที่ยังไม่สามารถหาข้อสิ้นสุดได้

Source: CNBC

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้

อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker

Social Share
Facebook
Twitter