เงินเฟ้อสหรัฐฯ เม.ย. พุ่ง 8.3% อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

Table of Contents

ข่าวใหญ่เมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดลงทุนทั่วโลก คงหนีไม่พ้นการที่กระทรวงเเรงงานสหรัฐฯ (DOL) ออกมาประกาศตัวเลข CPI (Consumer Price Index) หรือดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งใช้วัดค่าเงินเฟ้อของประเทศ โดย DOL ระบุว่า สหรัฐฯ มีตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน เม.ย. อยู่ที่ 8.3% ซึ่งอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

สำหรับภาวะเงินเฟ้อถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังเผชิญกับการระบาดของ Covid-19 ในช่วงนั้นรัฐบาลมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบอย่างมหาศาล ทำให้เศรษฐกิจเเละตลาดลงทุนฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว เเต่ทุกการกระทำมีราคาที่ต้องจ่ายคืนเสมอ เเละในทีนี้ คือ ”เงินเฟ้อ”

ข่าวที่ออกมานั้น ทำเอาตลาดลงทุนกลายเป็นทะเลเเดงเดือดอีกครั้ง เเละเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในทุกมิติ โดยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI แบบปีต่อปีออกมาที่ +8.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +8.1% ในส่วนของตัวเลขเดือนต่อเดือนออกมาที่ +0.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.2%

ด้านตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (Core CPI) ไม่รวมราคาพลังงานเเละอาหารปีต่อปีอยู่ที่ +6.2% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ถึง +6.0% ในส่วนของตัวเลขเดือนต่อเดือนอยู่ที่ +0.6% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.4%

ซึ่งก่อนหน้านี้ FED มีการออกมาประกาศว่า จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดเงินเฟ้อเเละมีเป้าหมายอยู่ที่เงินเฟ้อ 2% ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมานั้นสนับสนุนให้นักลงทุนเชื่อว่า FED อาจมีโอกาสต้องขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ในอนาคต ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงโดนเทขายหนัก เเละหลังมีข่าวออกไปทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงทันที นำโดยดัชนี Nasdaq -3.18%, S&P500 -1.65% เเละ Dow Jones -1.02% ซึ่งเเน่นอนว่า ตลาดคริปโตฯ ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน นำโดย Bitcoin ร่วงหลุด $30,000 ในทันที สวนทางกับตลาดยุโรปที่มีการรีบาวน์ขึ้นจากราคาน้ำมันเเละทองคำที่พุ่งขึ้น สืบเนื่องมาจากยูเครนระงับเส้นทางการส่งก๊าซเเละน้ำมันจากรัสเซียผ่านประเทศตนเอง

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มมองว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศออกมารอบนี้ไม่ได้เเย่อย่างที่คิด เเม้จะยังคงอยู่ในระดับสูง เเต่ก็เริ่มชะลอตัวลงบ้างเเล้ว สังเกตได้จากมีการลดลงจากเดือนที่เเล้ว เเต่ตลาดอาจคาดหวังมากเกินไป ซึ่งปัญหาเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก เเละต้องใช้เวลา

อ้างอิง: ทันโลกกับ Trader TP, The Standard เเละ CNBC

Social Share
Facebook
Twitter