ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน โดยล่าสุดสหรัฐฯ สั่งย้ายสถานทูตอเมริกันในกรุงเคียฟไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันตกของยูเครนแล้ว เเละยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้ FED เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
Dow Jones -0.49%
S&P500 -0.38%
Nasdaq -0.00%
FED จำเป็นต้องถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายบูลลาร์ดได้สร้างความตื่นตระหนกในตลาดด้วยการกล่าวว่า FED ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ภายในเดือน ก.ค.
สำหรับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอาจเป็นปัจจัยลบต่อตลาดแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันจันทร์ (14 ก.พ.) นำโดยกลุ่มธนาคารที่ดิ่งลง 3.2% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นได้ส่งผลกดดันตลาดเช่นกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ
Stoxx Europe 600 -1.83%
CAC-40 -2.27%
DAX -2.02%
FTSE 100 -1.69%
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลมาร์ท และอินวิเดีย (Nvidia)
ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน ก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค., ยอดค้าปลีกเดือน ม.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือน ม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.พ. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), รายงานการประชุมเฟด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ม.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือน ม.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน ม.ค. จาก Conference Board
