ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงในวันอังคาร (22 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากรัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของยูเครน และส่งกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย
Dow Jones -1.42%
S&P500 -1.01%
Nasdaq -1.23%
หุ้นทุกกลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 3.04% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 1.53%
สถานการณ์วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ล่าสุดวุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สามารถใช้กองทัพรัสเซียนอกประเทศได้เพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐประกาศมาตรคว่ำบาตรธนาคาร VEB ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของรัสเซีย และคว่ำบาตรธนาคาร PSB ซึ่งเป็นธนาคารของกองทัพรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารทั้งสองแห่งไม่สามารถทำธุรกรรมในรูปสกุลเงินดอลลาร์ได้
นอกจากนี้ นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศระงับการอนุมัติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 เมื่อวานนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้รัสเซียที่ให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ โดยนายโชลซ์กล่าวว่า เยอรมนีไม่สามารถให้การยอมรับ 2 แคว้นดังกล่าว
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร (22 ก.พ.) นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มเดินทาง ขณะที่กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มการเงิน ร่วงลงมากที่สุด อีกทั้งนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเมือง เนื่องจากชาติตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังรัสเซียส่งทหารเข้าควบคุมสองแคว้นทางตะวันออกของยูเครน
Stoxx Europe 600 +0.07%
CAC-40 -0.01%
DAX -0.26%
FTSE 100 -1.69%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 โดยร่วงลงสู่ระดับ 110.5 ในเดือน ก.พ. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 110.0 จากระดับ 111.1 ในเดือน ม.ค.