ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงเกือบ 600 จุดในวันอังคาร (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากชาติมหาอำนาจพร้อมใจกันคว่ำบาตรรัสเซีย
Dow Jones -1.76%
S&P500 -1.55%
Nasdaq -1.59%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียได้เตือนให้ประชาชนยูเครนอพยพออกจากบ้านเรือน ก่อนที่จะระดมยิงจรวดเข้าใส่เมืองคาร์คีฟซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ขณะที่นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะยังคงใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายหลักในการปกป้องตนเองจากภัยคุกคามของชาติตะวันตก
ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนและตื่นตระหนก เเละสถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลง โดยดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น 13.57% สู่ระดับ 34.24 เมื่อคืนนี้
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 3.7% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.79% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.91% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.42% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 3.77% อีกทั้งราคาหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ดิ่งลงสู่ระดับ 1.721% ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 5.2% ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2526 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทรุดตัวลงในวันอังคาร (1 มี.ค.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนและความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน ขณะที่รัสเซียเดินหน้าโจมตียูเครนหลังการเจรจาเพื่อหยุดยิงนั้นยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
Stoxx Europe 600 -2.37%
CAC-40 -3.94%
DAX -3.85%
FTSE 100 -1.72%
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ร่วงลง 7.5% หลังบริษัทฟลัทเทอร์ซึ่งทำธุรกิจพนันเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่การปิดน่านฟ้าเพื่อห้ามสายการบินจาก 36 ประเทศใช้น่านฟ้าของรัสเซีย เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อชาติตะวันตกที่ได้คว่ำบาตรรัสเซียก่อนหน้านี้ ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นสายการบิน ทั้งนี้สายการบินจากอังกฤษ เยอรมนี สเปน อิตาลี และแคนาดา อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกห้ามใช้น่านฟ้าของรัสเซีย
ราคาน้ำมันพุ่งกลับไปอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาทองคำ พันธบัตร และดอลลาร์ปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลฉุดตลาดหุ้นอิตาลีและตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลงอย่างรุนแรงเช่นกัน
ตลาดร่วงลง หลังการเจรจาโดยตรงระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครน เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศได้สิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ โดยไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด และทั้งสองฝ่ายจะทำการเจรจารอบต่อไปที่ชายแดนเบลารุสและโปแลนด์ในอีกไม่กี่วัน อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันหลังจากชาติตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงกับรัสเซีย รวมถึงการขัดขวางไม่ให้ธนาคารกลางรัสเซียใช้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศวงเงิน 6.30 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนอยู่ที่ 58.2 ในเดือน ก.พ. ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 58.7 ในเดือน ม.ค. และต่ำกว่าตัวเลขขั้นต้นที่ 58.4
สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ได้เเก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่ง
เเละนักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันที่ 2 มี.ค. และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐฯ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย